การนวดอาจกล่าวได้ว่าเป็นการรักษาอาการปวดวิธีแรกที่มนุษย์เรารู้จัดตังแต่โบราณกาล เป็นวิธีทางธรรมชาติที่เกิดจากการเรียนรู้ เช่น ปวดตรงไหนก็ถู บีบนวดตรงนั้น ที่น่าประหลาด คือ คนที่เห็นคุณค่ากลับเป็นคนต่างชาติ
การนวดแบ่งตามสรรพคุณออกเป็น 3 อย่าง คือ นวดเพื่อสุขภาพ, นวดเพื่อการบำบัดรักษา และนวดเพื่อการฟื้นฟูสรรถภาพ
นอกจากนี้การนวดแผนโบราณยังแบ่งออกได้ตามกรรมวิธีการนวดเป็น 2 อย่างใหญ่ๆ คือ นวดเชลยศักดิ์ และนวดราชสำนัก บางแห่งแบ่งนวดฝ่าเท้าออกมาต่างหาก
ถ้านวดเพื่อส่งเสริมสุขภาพก็นวดได้ทุกคนโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพราะการนวดสามารถกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกายทำให้กระปรี้กระเปร่า ผ่อนคลาย นอนหลับสบาย ถานวดเพื่อการบำบัดรักษา จะมีประโยชน์มากในกลุ่มอาการปวด โดยเฉพาะปวดเมื่อย ปวดกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นปวดหลัง ปวดคอ ปวดคอ โรคเครียด โรคนอนไม่หลับ
การนวดมีข้อห้าม ข้อควรระวังที่ต้องให้ความสนใจ ได้แก่
- ในระยะที่มีไข้ไม่ควรนวดเพราะกล้ามเนื้อช้ำระบมได้ง่าย
- ปวดข้อและกล้ามเนื้อที่อยู่ในระบบเฉียบพลัน เช่น มีอาการปวดมาก บวม แดงร้อนของข้อ ให้หลีกเลี่ยงจนกว่าอาการจะทุเลาก่อน
- ผู้ที่มีภาวะข้อหลวมหรือเคลื่อน เช่น ผู้ป่วยไขข้อรูมาตอยด์ ผู้ที่มีกระดูกสันหลังเคลื่อน ไหล่
หลวม ควรหลีกเลี่ยงการบีบนวดบริเวณนั้น บริเวณใกล้เคียงสามารถนวดแต่ต้องให้ความระมัดระวังโดยไม่นวดรุนแรงและหลีกเลี่ยงการดัด
- บริเวณที่กระดูกหักยังไม่ติดสนิท เพราะความแข็งแรงอาจจะยังไม่เพียงพอต่อแรงนวด
- บริเวณที่ใส่ข้อเทียมควรหลีกเลี่ยงการนวดที่รุนแรง
- สตรีตั้งครรภ์ไม่นวดที่ท้อง
- ผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง
- ผู้ที่มีภาวะผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด เพราะอาจทำให้เลือดออกใต้ผิวหนังเป็นจ้ำ หรือเป็นก้อนเลือดในกล้ามเนื้อได้
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่เคยนวดไทยมาก่อน นวดครั้งแรกๆ หรือผู้ที่กล้าๆ กลัวๆไม่แน่ใจ ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งไม่ผ่อนคลายขณะถูกนวด มักจะเกิดอาการปวดยอกระบบกล้ามเนื้อได้ อาการต่างๆเหล่านี้มักจะหายไปใน 2 - 3 วัน หลังจากนั้นจะกลับรู้สึกสบายหายปวดเมื่อย แต่ถ้าอาการยังมากควรปรึกษาแพทย์
ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับความรู้ของผู้นวด ผู้นวดจะต้องมีความรู้ขั้นพื้นฐานทางกายวิภาคและวินิจฉัยโรคหรือภาวะต่างๆที่เป็นข้อห้ามหรือข้อควรระวัง อาจจะดูได้จากหลังสูตรหรือใบประกาศที่ผู้นวดได้ผ่านการอบรมมา ตลอดจนสถานบัน ส่วนประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับประสบการณ์ความชำนาญของผู้นวด ผู้ที่มีประสบการณ์การนวดเวลานวดจะให้ความรู้สึกที่นิ่งดูนุ่มนวลถึงแม้จะหนัก สามารถทราบได้ว่าควรใช้แรงนวดหนักเบาต่างกัน ในแต่ละราย นอกจากนี้ยังขึ้นกับสถานที่ ควรเป็นสถานที่ที่สะอาดและบรรยากาศผ่อนคลาย
เราเห็นถึงความสำคัญและผลประโยชน์ของการนวดดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการนวดเพื่อสงเสริมสุขภาพ ผ่อนคลายความเครียด นวดบำบัดอาการปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดคอ ปวดหัว นับว่าเป็นการรักษาทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่นิยมการทายยารักษาอาการปวด จึงเปิดบริการนวดไทยขึ้น ที่ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู ตึกศรีสังวาลย์ โรงพยาบาลศิริราช โดยมีอาจารย์หมอเพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ ผอ. กองแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข และอาจารย์ปรีดา ตั้งตรงจิตร ผอ. การแพทย์แผนไทยวัดพระเชตุพนธ์ หรือ วัดโพธิเป็นที่ปรึกษา การให้บริการเราคำนึงถึงความปลอดภัยจึงขอให้มีการตรวจสุขภาพเบื้องต้นโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูก่อนในครั้งแรก ตอนนี้อยู่ในระหว่างเริ่มดำเนินการ ให้บริการทุกวันพฤหสับดี ผู้สนใจสามารถสอบถามติดต่อสอบถาม คุณญาณณี วงศรานุชิต ไดที่หมายเลข 0-24197504 หรือ 0-24111098
การนวดมีประโยชน์มากต่อสุขภาพ แต่ควรพิจารณาถึงผู้นวดและข้อควรระวัง แต่ที่อยากแนะนำ คือ ควรมีการออกกำลังร่วมด้วย เพราะจะทำให้สุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้น
________________________________________
2007-09-04 12:06:42
·
answer #1
·
answered by ♥ MiM ♥ 5
·
0⤊
0⤋
สิ่งใดที่มีคุณอนันต์ สิ่งนั้นย่อมมีโทษมหันต์ (แล้วมันเกี่ยวมั้ยเนี่ย แฮะๆ)
อ่านดูเห็นมีหลายคำตอบที่ดี จึงขอแจมนิดหน่อย
เริ่มรู้จัก นวดเพื่อสุขภาพ เมื่อสิบปีที่แล้ว เพราะทำงานกับต่างชาติ เวลาว่างเมื่อไหร่ เป็นต้องขอไปนวด สมัยนั้น เรายังแข็งแรง ไม่ขี้เมื่อย ไม่เข้าใจว่าเขานวดกันทำไม บางคน นวดตั้ง 8 ชั่วโมง จนคนเอามาล้อว่า "นวดแผนโบราณจริงหรือเปล่าวะ" แต่เขาก้อนวดแผนโบราณจริงๆ ไม่มั่วนิ่ม
ตัวเองทนรบเร้าไม่ไหว ก้อลองถูกนวดจนได้ ครั้งแรก เจ็บจริงๆ เหมือนโดนรุมกระทืบ (แฮะๆ แบบมีศิลปะนะคะ) จากนั้น ก้อเลย ชอบนวด ไปอีกคน และบอกต่อให้คนอื่น (ที่ขี้เมื่อย) ลองใช้บริการด้วย
มีครั้งหนึ่ง ไปนวดที่พัทยา ปรากฏว่า ได้เด็กใหม่ หน้าตาดี นวดไม่เป็นมานวด เลยรู้ว่า การนวดไม่ถูกต้องมันทำให้เกิดผลเสีย คือ เดี้ยงเอาง่ายๆ
เนื่องจากเป็นคน ขี้สงสัย ชอบเรียนรู้ เลยไปอบรมนวดที่วัดโพธิ์ แบบได้ Certificate มาด้วย (กะว่าจะไว้ใช้มัดใจสามีในอนาคต) และจะได้รู้ว่า นวดให้ถูกต้องเป็นอย่างไร เรียนแล้วลองเอามาใช้กับแม่ และเพื่อนสนิท ปรากฏว่าชอบกันทุกคน โดยเฉพาะ คุณแม่ ต้องให้นวดทุกครั้งที่ไปเยี่ยม โดยบอกว่าเป็นความรับผิดชอบของเราที่ทำให้ ท่านติดนวด
ตอบคำถามที่ว่า นวดเพื่อสุขภาพ เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ น่าจะแจมคำตอบได้ดังนี้
1. ถ้าให้คนนวด ที่ไม่ได้รับการฝึกอย่างดีมานวด เป็นอันตรายแน่คะ ขอยืนยัน
การนวดที่ถูกต้อง ต้องรู้วิธีและตำแหน่ง บริเวณ หรือ จุดของการนวดคะ (อันนี้ ไม่นับการบีบนวดเล็กๆน้อยๆ เวลาทายา หรือ เอาใจผู้ใหญ่นะคะ)
2. มันจะทำให้เราขี้เมื่อยขึ้น และต้องไปนวดบ่อยๆ คะ เหมือนคนติดนวด (แต่มันจะรู้สึกดีขึ้นทันตาเวลานวดเสร็จ) ต้องหมั่นออกกำลังกายแทนถึงจะหาย
3. มันจะทำให้เราเสียเงินคะ (แต่เพื่อซื้อความสบาย ผ่อนคลาย หายเมื่อย และหายปวดได้เวลาเส้นเคล็ด)
เท่าที่คิดออกมีแค่นี้คะ
2007-09-04 19:59:09
·
answer #2
·
answered by Anonymous
·
1⤊
0⤋
การนวดเพื่อสุขภาพจะเป็นอันตรายได้อย่างไรคะ ก็ขนาดกระทรวงสาธารณสุขยังเปิดสอนเลยนะคะ ที่วัดโพธิ์ก็เปิดสอนจนล่ำลือไปถึงต่างประเทศ พวกฝรั่งมังค่ามาเรียนและไปเปิดกิจการเป็นล่ำเป็นสันและรวยกันเป็นแถบ หากอันตรายจริงป่านนี้เราก็ไม่ได้เกิดมาหรอกค่ะ เพราะนวดกันมาตั้งแต่รุ่นดึกดำบรรพแล้ว คงต้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐศึกษาหาความรู้มากกว่านี้ ก่อนที่จะออกเป็นกฏหรือนโยบายใดๆ
2007-09-03 21:16:31
·
answer #3
·
answered by ?u?ube 3
·
1⤊
0⤋
ไม่คิดอย่างนั้นครับ ไม่ทราบว่ากทม. มีการกำหนดอย่างนั้นจริงๆ หรือเพราะผมลองสืบค้นแล้วมันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ และในเรื่องนี้ผมก็ไม่คิดว่า กทม. จะเป็นองค์กรเดียวที่สามารถชี้ถูกชี้ผิดได้ด้วย
ประวัติการนวดไทย
ปี 2530 โครงการฟื้นฟูการนวดไทย มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนาและคณะเรียกร้องให้เพิ่มสาขาการนวดไทยในการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณ แต่กระทรวงสาธารณสุขตีความว่าการนวดไทย เพื่อรักษาโรคเป็นการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณ สาขาเวชกรรม (แต่ในสภาพความเป็นจริงหมอนวดส่วนใหญ่สอบขึ้นทะเบียนได้น้อยมาก ผู้ที่สอบได้ มักไม่ได้ทำการนวด)
ธุรกิจบริการนวดเฟื่องฟูในสถานบริการ อาบ อบ นวด และโรงแรม มีทั้งที่ขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย (พ.ร.บ.สถานบริการ) และที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย บางส่วนมีการนวดแอบแฝงกับบริการทางเพศ
รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการส่งออกธุรกิจบริการนวดแผนโบราณ เนื่องจากเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ และได้รับความนิยมจากชาวต่างประเทศ ในขณะที่ชาวต่างประเทศก็สนใจเรียนนวดไทย และมีการเปิดสำนักสอนการนวดไทยในต่างประเทศโดยชาวต่างประเทศ รวมทั้งมีการเขียนหนังสือการนวดไทยออกเผยแพร่เป็นภาษาต่างประเทศด้วย
พ.ศ.2542 โปรดเกล้าฯ ให้ตรา พ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 ซึ่งมีเนื้อหาที่เอื้อต่อการพัฒนาการแพทย์แผนไทยมากขึ้น
พ.ศ.2544 มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการเพิ่มประเภทการนวดไทยในสาขาการแพทย์แผนไทย ทำให้การนวดไทยเป็นประเภทหนึ่งของการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ซึ่งจะทำให้ต้องมีการขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยประเภทการนวดไทยตามมา
2007-09-05 00:48:56
·
answer #4
·
answered by Jakrapong 5
·
0⤊
0⤋
ก็เคยนวดเพื่อสุขภาพ คือ การนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และจากปากของผู้ที่เป็นเจ้าหน้าด้านนี้ส่วนใหญืก็บอกว่าคลายกล้ามเนื้อมากกว่า ไม่ได้หมายถึง อาบ อบนวด หนา....อันนั้นไม่ใช่เน้อเจ้า
2007-09-04 18:13:29
·
answer #5
·
answered by smilebizdollars 3
·
0⤊
0⤋
การนวดเป็นศิลปะการรักษาที่ใช้สัญชาติญาณ โดยใช้ปลายนิ้วมือเป็นเวลาหลายชั่วอายุคนมาแล้ว ที่การนวดและเทคนิคต่าง ๆ ได้นำมาใช้สร้างความสุข และให้ผลบางอย่างในการรักษา ในการที่จะให้ประสบผลสำเร็จทางอายุรเวทย์ จะต้องมีวิธีการนวดโดยเฉพาะ และเป็นไปตามลำดับ
การนวดเริ่มต้นด้วยการสัมผัส ไม่ว่าการนวดนั้นจะใช้เวลา 15 หรือ 60 นาที การสัมผัสทำให้ช้าลงและสามารถกำหนดจังหวะของการนวดได้ จากนั้นจึงใช้การกดซึ่งผ่อนคลาย ไม่เพียงแต่บริเวณที่กำลังนวดอยู่เท่านั้น แต่ยังเป็นการผ่อนคลายร่างกายทั้งหมดด้วย ต่อจากนั้นจึงเป็นการนวดโดยการกดลึกและการบีบนวด เพื่อปลดปล่อยความเครียดที่อยู่ในกล้ามเนื้อ การบีบนวด เป็นการเปิดกล้ามเนื้อแล้วจึงใช้การนวดที่ใช้แรงขัดสีเพื่อผ่อนคลายความเครียดที่ลึกลงไปอีก การเตรียมร่างกายด้วยวิธีนี้ เป็นสิ่งที่ได้เปรียบ เนื่องจากหากอบอุ่นกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ จะทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเมื่อนวดถู ท้ายสุดให้จบการนวดด้วยการกดและจับร่างกายไว้ เช่นเดียวกับที่เราเริ่มต้นในครั้งแรก การนวดตามขั้นตอนนี้ไม่เพียงแต่ใช้สามัญสำนึกเท่านั้น แต่ยังเป็นการนวดเพื่อสุขภาพและการนวดเพื่อการรักษาด้วย ตั้งแต่สมัยเริ่มแรกของวิวัฒนาการของมนุษย์จะเห็นว่าธรรมชาติของมนุษย์โดยทั่วๆ ไปแล้วมักจะใช้การสัมผัส การบีบ การนวด เมื่อเกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อหรืออาการไม่สบายตัว โดยสมัยเริ่มแรกนั้น เมื่อเจ็บปวดตรงไหนก็จะบีบนวด คลึงบริเวณที่เจ็บปวด โดยไม่มีการสอน เป็นการเรียนรู้โดยสัญชาตญาณ ต่อมามนุษย์ได้เริ่มจดจำ และจัดระบบการสัมผัสขึ้นและเรียนรู้ถึงการกดลูบอย่างไรให้รู้สึกสบายขึ้น จนกลายเป็นการนวดที่เป็นแบบแผนแน่นอน
ฉะนั้น มนุษย์ทุกคนจึงมีความสามารถในการนวดเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด อาการเจ็บปวดของตนเองได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าเราสังเกตุให้ดีเวลาที่เรามีอาการเจ็บปวด เช่น ปวดหัว ปวดท้อง หรือปวดเมื่อยตามร่างกาย เราก็จะทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยการกด หรือนวดตามบริเวณที่มีการอาการเจ็บปวดอยู่แล้ว
ดังนั้น การนวดเพื่อสุขภาพจึงไม่เป็นอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นการนวดโดยผู้นวด (หมอนวด) ที่ผ่านการอบรมจากสถาบันที่มีการรับรองของกระทรวงสาธารณสุข หากคุณไม่แน่ใจก็สามารถขอดูเอกสารรับรองการอบรมของหมอนวดท่นนันๆ ได้
2007-09-04 17:44:24
·
answer #6
·
answered by Anonymous
·
0⤊
0⤋
อันที่จริงถ้านวดแผนไทย ไม่น่าจะเป็นอันตรายนะ ดิฉันเองก็ชอบนวดแผนไทยอยู่บ่อยๆ น่าเสียดายที่บางคนใช้การนวดแผนไทยแฝงธุรกิจอย่างว่า ทำให้ภาพลักษณ์ของการนวดและหมอนวดเสื่อมเสีย (ความจริงดิฉันก็ไม่รู้ว่า อวบ อบนวดเป็นยังไงไม่เคยเข้า เคยแต่ไปนวดแผนไทย )
2007-09-04 14:58:53
·
answer #7
·
answered by manee 2
·
0⤊
0⤋
พี่ชายเป็นหมอกระดูกค่ะ เคยเจอคนไข้ที่มาหา ไปนวดแผนโบราณมา ไม่ทราบจับเส้นท่าไหน อาการแย่มาเลยค่ะ จริงๆคนที่นวดกันอยู่ มีมากมายที่เรียนกันคอร์สสั้นๆ ไม่ได้รู้ถึงด้านกายภาพลึกซึ้งทุกคน เหมือนคุณหมอนี่ค่ะ มันก็อันตรายนะคะ ถ้าปวดกล้ามเนื้อรุนแรงอย่านวดเลยค่ะ ไปหาหมอกระดูกและข้อดีกว่านะคะ ถ้าปวดเมื่อยธรรม***็ไม่เป็นอะไรค่ะ นวดแล้วก็เพลินดีเหมือนกัน สบายตัวดีค่ะ คงเพราะอย่างนี้กระมังค่ะ เขาถึงยังไม่ยอมรับค่ะ
2007-09-04 02:35:30
·
answer #8
·
answered by กระจกใส 7
·
0⤊
0⤋