เวลาขับ รถ คุณเคยสังเกตุไหมว่ารถข้างๆแม้กระทั่งตัวเราด้วย มีอาการ?

Question

ขับไปบ่นไป รถเมล์ปาดหน้าปาดหลัง มอเตอร์ไซด์แซงซ้ายทีขวาที ตรงไหนไปได้ขอให้ข้าได้ไปเถอะ มันมีมากกว่านี้อีกไม่ชอบเล่ายาวๆ คุณว่าคนขับรถทุกๆคนปากจัดมั้ย อยากรู้และฟังประสบการณ์ ดิฉันเองเปิดกระจก.....ใส่ไม่ยั้ง..นึกเอาเอง

Answer 1

คุณ...ยาย เชื่อเถอะ เป็นกันแทบทั้งนั้นแหละ ยกเว้นอาชีพที่ต้องขับรถประจำนั่นละ น้อยหน่อย ผมเองก็ทำมาแล้วทั้งนั้น ทั้งเฮีย ทั้งสมบัติ แม้กระทั่งถ้าแซงคืนได้ก็ลดกระจกลงแล้วแจกนิ้วกลางเลยก็มี .....เคยคิดนะครับว่า
1.ถ้าทุกคนมีวินัยในการขับขี่มากขึ้น
2.ถ้าหน่วยงานที่ให้ใบอนุญาติการขับขี่ เข้มงวดมากขึ้น
ทุกอย่างคงดีขึ้นเองแหละครับ

Answer 2

เขาเรียกว่า อาการภาษาวิบัติ หุ หุ
ปิดกระจก แล้วด่าไปเถอะ แต่อย่ามองหน้ามัน
เดี๋ยวเรื่องยาว แทนที่ จะระบายความเครียด กลับเครียดจัด
ถ้าเราผิด ยกมือไหว้ไปซะ ผมใช้ประจำ
ขนาด ตาพี่แกเขียว พอผมประณมไหว้ แล้วส่งยิ้มหล่อๆ
ไปให้ ตาพี่แกก็อ่อนลง แต่ยังมีฟอร์มหน่อยๆ แล้วพี่แกก็ยกมือให้
เหมือนจะบอกว่า ที่หลังระวังหน่อย
คนเราพอมีปัญหา และมักจะไม่ยอมกัน ก็เพราะศักดิ์ศรี
ยิ่งเถียงมากศักดิ์ศรีก็สุงส่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ลองลดศักดิ์ศรีของเราก่อน ผมว่าทุกอย่างก็จะดีขึ้น
ลองดูนะจ๊ะ เผื่อโลกจะน่าอยู่ เพราะพอลลูชั่นศักดิ์ศรีมันน้อยลง

อันนี้เป็นของแถม น่ารักดี
ที่ขอนแก่น
หลายปีแล้ว
รถคันหนึ่งถอยหลัง
มาชนรถอีกคัน
ผมกะว่าคนโดนชน ต้องลงมาโวยวายเป็นแน่
แต่ผิดคาดครับ
เจ้าของรถเป็นหญิงสาว
ยิ้มแฉ่งลงมาดูรถ ที่เป็นแผลเหวอะหวะ
แล้วก็ยิ้มกว้างขึ้นอีก ป้ายแดงของแก กระเด็นหลุดมากองอยุ่กับพื้น
เดินมาที่คนชนซึ่งเป็นชายหนุ่มหน้าเหี้ยม ดุดัน
เจ้าหล่อนก็ส่งยิ้ม กระพุ่มไหว้
แล้วพูดว่า" พี่จ๋า หนูคิดว่าวันนี้พี่คงเหนื่อยนะ เลยไม่เห็นรถหนุจอดอยู่ พี่ลงมาดู
แล้วช่วยค่าเสียหายให้หนูหน่อยได้ไหมคะ"
ถ้าหนูคนนั้นแก ถามอีกแบบว่า "พี่ขับรถยังไงเนี่ย รถจอดยู่ทั้งคันไม่เห็นหรือไง"
ซึ่งเป็นประโยคที่เราจะได้ยินบ่อยๆ เมื่อเกิดเหตุแบบนี้
ผมว่าคงทะเลาะกันยาว
แต่พอเจ้าเจรจาอ่อนหวาน
เงินเป็นฟ่อนถูกดึงออกมา และนับให้ไม่สมหน้าเหี้ยมเลย
หลังจากที่เห็นเหตุการวันนั้น ไม่ว่าจะถูกสักแค่ไหน ผมใช้วิธีแบบหญิงสาวท่านนั้น
คู่กรณีย์ก็มีความสบายใจ ผมก็มีความสุข แม้จะอึดอัดอยุ่บ้าง
ครับ ทุกอย่างอยุ่ที่ตัวเรา อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ โลกนี้จะน่าอยู ยิ่งขึ้นครับ

Answer 3

เห็นจนชาชินครับ
แต่ใจร้อนปากไวไปก็เท่านั้น
ไม่ได้ทำให้รถเราวิ่งได้เร็วขึ้น
ทำอะไรควรมีสติเป็นดีที่สุดครับ

Answer 4

เข้าใจค่ะ เพราะขับรถไปทำงานทุกวัน บางวันทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด แต่พยายามไม่เอามาคิด ส่วนเรื่องต่อว่าหรือบ่นก็มีอยู่แทบทุกวัน แต่ส่วนใหญ่ไม่เคยเปิดกระจก เพราะหลังจากบ่นแล้ว ก็ให้มันแล้วกันไป

ไม่เคยคิดจะปาดหน้าใครเพื่อเอาคืน เพราะไม่คุ้ม ส่วนใหญ่จะคิดเสียว่าพวกนั้นไม่เคยประสบอุบัติเหตุ เลยไม่รู้ว่า้การตัดหน้าหรือแซงนั้น อาจจะช่วยไปถึงที่หมายเร็วขึ้นแค่ไม่กี่นาที แต่ไม่คุ้มถ้าหากเกิดอุบัติเหตุ

ส่วนใหญ่จะนั่งฟังเพลงหรือวิทยุเพื่อคลายเครียด เราถือว่าการไมุ่ถือโทษโกรธเป็นการฝึกอารมณ์อย่างหนึ่ง แต่บางครั้งก็มีหลุดอยู่เหมือนกัน

Answer 5

ดิฉันขับออกจากที่จอดรถของซุปเปอร์ฯแห่งหนึ่ง มีตุ๊กตุ๊กมาจอดปักหลักบริเวณปากทางเข้าออกพอดี ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าบริเวณนั้นต้องมีรถเข้าออกอยู่เกือบตลอดเวลา อยู่ๆแกนึกอยากถอยหลังแต่ไม่ได้ดูอะไรเลย เห็นแบบนั้นดิฉันก็เลยต้องบีบแตรเตือน พอเราขับผ่านเท่านั้น คนขับตุ๊กตุ๊กอ้าปาก(คงด่าแน่)พูดเสียงดังมาก เราไม่สนใจแต่ก็บ่นกลับ ผิดแล้วก็ควรจะรูดซิปปากซิ ได้แต่คิดในใจว่าคนพวกนี้(คนที่ไม่รู้ไม่รับที่จะปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกฏจราจร) ควรกลับบ้านไปขึ่ควายดีกว่า อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนกับความไม่รู้ส่างรู้สมของตนเองเลย

Answer 6

อยากฟังประสบการณ์เววๆ ของชาวบ้านหรือไงคร้าบ..

สำหรับผม ห้ามบีบแตร หรือลิฟท์ไฟใส่
ลมจะออกหู ขาก็จะเหยียบเบรคทันที ตัวโก่งกันเองแล้วกัน
เกลียดวอลโว่มากๆ ขับไม่สนใจชาวบ้าน ปาดมั่ว
เกลียดแท้กซี่ที่คิดเอาแต่ได้ ปาดไปทั่ว
เกลียดรถตู้วิน จอดเข้าป้ายไม่ยอมออก รถติดเป็นแพ
แถมยังจอดรับ-ส่งผู้โดยสารซ้อนคันอีก เจอแตรยาวๆแน่
เกลียดเก๋งประเภททองไม่รู้ร้อน ไม่รู้เก่งหรือไม่เก่ง
ยังไงก็ไม่เกิน 80 ห่างจากคันหน้า 20-30 เมตร
ช้าแล้วยังชอบออกวิ่งเลนขวา

เจออย่างนี้ทุกวัน เห็นใครบอกว่าอยากให้ กม.จำกัด
ความเร็วที่ 80 กม./ชม. จะได้เลิกนิสัยเววๆ ซะที
จะเรียกว่า "ถนนเปลี่ยนนิสัย " ท่าจะดีนะ..คุณยาย...ขา

Answer 7

เป้าหมาย มีสติและอย่าไปสนใจเรื่องผิดถูกของใครเลย ความปลอดภัยเราเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราเครียด คือเราคิด เขาไม่ใด้เดือดร้อนอะไรเลยครับ ฟังเพลงโปรด มองทุกๆกระจกตามความจำเป็นขณะขับแค่นี้ก็เป็นสุขแล้ว

Answer 8

ดิฉันเป็นคนจังหวัดเชียงรายค่ะทุกคนคงเข้าใจใช่ไหมค่ะว่าคนเหนือทำอะไรใจเย็นมันก็จริงนะคะ ตอนมาอยู่กรุงเทพใหม่ๆทำอะไรไม่ทันเค้าเลย เรื่องขับรถก็เหมือนกันคิดอยู่ทำไมเค้ารีบกันจังปาดซ้ายปาดขวา แต่ก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าพออยู่กรุงเทพได้ 8 ปีแล้วพฤติกรรมการขับรถของดิฉันเปลี่ยนไปเหมือนกันไม่เคยบ่นก็บ่นรีบอยากจะไปเร็วๆ ก็ไม่รู้ตัวหรอกนะคะพึ่งรู้เมื่อเดือนที่แล้วบังเอิญกลับไปเที่ยวที่บ้านคุณแม่ทักว่าทำไมขับรถใจร้อนจังจะรีบไปทำไม มาคิดดูอีกทีมันก็จริงนะคะคนขับรถส่วนใหญ่คงจะเป็นคล้ายๆกันเพราะ กทม. ทุกวันนี้รถติดเหลือเกินถ้าช้านิดหน่อยเจอรถติดไปทำงานไม่ทันแล้วพลอยทำให้เรากลายเป็นคนขี้หงุดหงิดตามไปด้วย กลายเป็นคนขี้บ่นปากจัดอีกต่างหาก

Answer 9

ก็คงจะมีอารมย์เป็นเรื่องธรรมดามากเมื่อถูกกระทำในสิ่งที่ไม่ถูก เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ก็เห็นจะจริงข้อนี้ที่ว่าคนขับรถปากจัดชอบบ่นกับคนขับรถในถนนรอบข้าง เช่นขับรถช้าวิ่งเลนขวา ไม่ให้สัญญาณเลี้ยว จอดรถขวางรถคันอื่น หรือซ้อนคัน และข้อสำคัญขับรถไม่สุภาพเช่น แซงซ้ายแซงขวา ด้วยความเร็ว ถ้าไม่ตั้งชื่อให้หรือก่นถึงบรรพบุรุษก็น่านับถือแล้วล่ะ

Answer 10

ส่วนใหญ่เจอแต่คนขับรถขี่บ่นจังเลย ปาดนิดปาดหน่อยก็บ่น โดนแซงซ้ายทีขวาทีก็บ่น คนข้ามถนนตัดหน้าก็บ่น คนข้ามถนนไม่เป็นที่เป็นทางก็บ่น เคยนั่งรถไปกับคนขับรถคนหนึ่งพี่สาวญาติๆเราเองไม่เคยบ่นเลย ขับฝ่าไฟแดงเฉยเลยก็ลืมมองนี่นา อยู่เลนขวาจะขึ้นทางด่วนทางซ้าย เบรคพรึดเลี้ยวรถเข้าเลนซ้ายเฉยเลย คนนี้ไม่เคยบ่นแต่ขับผิดกฎจราจรตลอด แต่คนไม่เคยด่าเพราะไม่มีรถตามมาถนนว่าง ขับรถไม่เป็นค่ะ แต่รำคาญคนขี้บ่น เข้าใจเหมือนกันเวลาเจอคนขับรถไม่รักษากฎจราจร แต่บ่นไปไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นหงุดหงิดเสียอารมณ์เสียน้ำลาย เครียดเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทำแค่บีบแตรด่าดีกว่าได้มั้ยคะ แตรน่าจะมีเสียงว่า ปฎิบัติตามกฎจราจรด้วยครับ .....ปฎิบัติตามกฎจราจรด้วยครับผม....แม่ขอร้อง.....