คิดเสียว่า "ถ้าใช้เงินซื้อความสุข มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ" ตั้งเป็นฐานก่อน จากนั้นก็แบ่งเงินทั้งหมดออกเป็นส่วนๆสำหรับ ลงทุน,ออม,ฉุกเฉิน และใช้จ่ายส่วนตัว จากนั้นก็พยายามมีวินัยกับมัน
ดูรายรับ รายจ่าย ให้สมดุลย์กัน ก็คงพออยู่ได้ ใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุด จับจ่ายให้ได้ประโยชน์สูงสุด พอใจกับของที่ซื้อมากที่สุด ถ้ารายรับมีเหลือเป็นเงินออมก็ดี
.
2007-09-06 20:30:25
·
answer #1
·
answered by ♥ MiM ♥ 5
·
3⤊
0⤋
เริ่มทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายก็ตอนที่ทำงานนี่แหละ ทำแบบเดบิต-เครดิตเลย ตอนแรกก็งง!!! ทำไม่ถูกลบอยู่นั่นแหละ พอหลัง ๆ เริ่มปรับปรุงไปเรื่อย ๆ ก็จะรู้ว่ารายรับ-รายจ่ายที่แท้จริงมันสมดุลย์กันหรือไม่ เราจะแบ่งเงิน 3 ส่วน 1.เก็บ 2.ใช้หนี้ 3.ใช้จ่ายส่วนตัวในแต่ละวัน เคยคิดอยากเอาเงินเก็บไปลงทุนแต่ไม่มีใครสนับสนุนด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจแบบนี้เป็นพนักงานเดือนดีกว่า แต่เราก็อยากรวยด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา แต่ธุรกิจหนึ่งที่ไม่คิดจะทำคือขายเสื้อผ้าเพราะตามแฟชั่นไม่ทัน และเป็นอีก 1 ธุรกิจที่ล้มละลายเร็วที่สุด....ขอให้รวย ๆ ทุกคนเน้อ
2007-09-09 03:55:16
·
answer #2
·
answered by Praweena N 2
·
1⤊
0⤋
ผมเป็นคนที่ใช้จ่ายไม่แน่นนอน ผมมีวิธีจัดการเงินโดย พอเงินเดือนออกจะนำเข้าธานาคารหมด แล้วถอนออกมานำเอาไปแบ่ง 4ส่วนฝากเข้าธานาคาร อีก 4ที่ แล้วก็ใช้ทีละธานาคาร คือถอนวันละ 200-500 เหลือ ก็เก็บลงกระปุกทุก 2เดือนก็จะมีเงินฝากธานาคารอีกเพื่อเป็นเงินเก็บ บางครั้งก็นำไปซื้อ สลากออมสินก็เป็นเงินเก็บอีกละครับ
2007-09-07 22:19:43
·
answer #3
·
answered by mate 3
·
1⤊
0⤋
เงินที่เหลือใช้เล่นแชร์กับเพื่อนๆค่ะแต่ต้องเลือกที่ไว้ใจได้นะไม่นั้นต้นหายกำไรหด ...จ๋อยเลย
( ตั้งแต่จะแต่งงานนี่ดูเป็นผู้ใหญ่ขี้นนะคะ)
2007-09-07 03:45:19
·
answer #4
·
answered by อาเหนียว หนึบหนับ( อารารั่วโตเเล้ว) 6
·
1⤊
0⤋
อันดับแรกผมใช้หนี้
ที่สองแบ่งใช้ประจำเดือน
สามฝากเข้าบัญชีลูก เขาโตขึ้นจะได้มีชีวิตดีกว่าเรา
สี่เสริมทักษะตนเอง เช่น ซื้อหนังสืออ่านเสริมความรู้
ห้าเก็บไว้ซื้ออุปกรณ์ทำกิจกรรมพิเศษ เช่นกล้องถ่ายรูป ไว้โพสต์ขึ้น YouTube
2007-09-07 02:58:03
·
answer #5
·
answered by ket 2
·
1⤊
0⤋
สวัสดีค่ะ
การจัดการการเงินเหรอ..เราแต่งงานมา 20 ปี แต่ว่าเราก็เลี้ยงและส่งลูกเองเกือบ 14 ปี รวมทั้งค่าเทอมด้วย เพราะเราไม่ได้ขอเค้า แต่เราเหนื่อยมาก จนมาปัจจุบันอย่างที่เราบอก ชีวิตคู่เราตัดสินใจเร็วเราก็เหนื่อยเพราะหลายคู่เป็นเหมือนเรา และสิ่งที่สำคัญเมื่อถึงเวลาที่เราหาทางออกไม่ได้ เรื่องมันก็ต้องคุยกันเพราะเค้าไม่ค่อยได้ทราบว่าจำนวนเงินที่เรียนแต่ละวิชาข้างนอกวิชานึงต่อคนก็เกือบ 3000 บาท สุดท้ายเราก็ออกเองเป็นส่วนใหญ่แต่สิ่งที่สำคัญจะต้องทำประกันชีวิตให้ลูกอย่างมั่นคง และทุกๆ วันเราจะต้องคำนวณค่าไปโรงเรียนทั้งเดือนไว้ให้เด็ก 2 คนเลย ตอนเช้ามาก็จ่ายให้ค่ะ ส่วนเรามาทำงานก็ไม่ได้กินอะไรมาก ส่วนใหญ่จะซื้อขนมมาแล้วก็เดินมา แจกไป พวกพี่ๆ น้องๆ ก็ได้ทานกันทั่วหน้าด้วยค่ะ พักเที่ยงเราไม่ได้ออกไปไหนนั่งอยู่ที่โต๊ะ เพราะออกไปก็ร้อน เราจะมีค่าใช้จ่ายเรื่องกับข้างตอนเย็นเพราะเด็กบ้านอื่นเห็นเราใจดีก็จะเล่นที่บ้านเราก็เอื้ออากรไป ตามสภาวะเท่าที่สามารถช่วยได้เท่านั้นเองค่ะ
2007-09-07 01:13:20
·
answer #6
·
answered by smilebizdollars 3
·
1⤊
0⤋
เดือนหนึ่งพอได้เงินปุ๊ป ก็ส่งกลับบ้านเข้าบัญชี เหลือไว้ใช้นิดหน่อย เนื่องจากมาทำงานเก็บเงินอยู่ไกลถึงเกาหลี เงินเดือนเกือบ 80 % จึงส่งเข้าบัญชีเก็บไว้ก่อน แต่ก็ไม่ทุกเดือนบางทีก็มีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นบ้าง เช่นให้แม่ใช้ ค่าประกัน ค่าเงินกู้เรียน ฯลฯ
บางทีก็เหนื่อยที่วิ่งตามเงิน ห๊า หา...เข้าไป หาเท่าไหร่มันไม่พอใช้ บางทีก็อยากจะเพลาๆ อยากมีชีวิตพอเพียงอย่างว่า แต่กิเลสมันหนา อยากได้โน่นอยากได้นี่ แต่ก็ต้องอดทนค่ะ เพราะระยะเวลาการเก็บเงินมันมีไม่มากนัก เมื่อมีโอกาสก็ต้องพยายามเก็บเงินให้ได้มากที่สุด ทางบ้านไม่ค่อยมีอันจะ แ....ก เลยต้องดิ้นรนมากๆ หน่อย ชีวิตประจำวัน กิน นอน ทำงาน ไม่มีวันลา ไม่มีวันป่วย มีแต่วันขยันทำงาน สัปดาห์หนึ่งมีวันหยุดหนึ่งวัน แต่ก็ไม่ได้หยุด ทำโออีกแล้ว ก็อย่างว่า งานเดินเงินดี เอ้า.. อดทนอีกซักตั้ง
จริงอยู่เงินอาจไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต แต่ปัจจุบัน เงินเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จ่ายไปเพื่อปัจจัยที่สี่ที่ห้า หก เจ็ด........
2007-09-06 22:35:59
·
answer #7
·
answered by manee 2
·
1⤊
0⤋
เดี๋ยวมาตอบนะคุณจักรพงษ์ ผมยังมองไม่เห็นท้ายแถวเลย ตอนนี้
2007-09-06 21:17:51
·
answer #8
·
answered by Kanes 6
·
1⤊
0⤋
บัตรเครดิตก้ไม่มีและไม่ใช้ จะมีก็แค่บัตรเอทีเอ็มแบบ visa เพราะไม่มีความจำเป็นและจะไม่พยายามก่อหนี้ถ้าคิดว่าคุมเงินไม่ได้ ถึงได้ก้ไม่น่าจะสร้างรายจ่ายให้เกินความจำเป้นค่ะ อย่างไปผ่อนนู่นผ่อนนี่ กับสิ่งของที่ไม่จำเป็น อยู่อย่างพอเพียงดีกว่า เสียดอกไปให้เปลืองทำไม ใช้เท่าที่จำเป็นดีกว่าบางทีมีแล้วเสียนิสัย บางคนว่าไม่เป็นไรๆมีทีห้าหกใบแล้วสุดท้ายก็หมุนเงินไม่ทันเห้นมาหลายรายแล้วล่ะนะ
ตัวอย่างการใช้เงิน
สมมุติ เงินเดือน 14,000 บาท พอเงินเดือนออกก้จะจ่ายให้กับที่บ้านไป 6000 บาท (จ่ายทุกเดือนตามกำลัง) เหลือ 8000 บาท แบ่งไปออมแบบฝากประจำ 1500 บาทต่อเดือน (ตามกำลัง) ให้หักบัญชีเลยค่ะไม่เปลืองแรงต้องไปแบ็งและเป้นการรักษาวินัยถึงเวลาก้หักบัยชีไปเลย เหลือ 6500 บาทโดยประมาณ ไว้ใช้ทั้งเดือน
ค่าใช้จ่ายรายวันก้จะเป็นแบบนี้
ค่ารถเมลล์ตอนเช้า 7 บาท 17 บาท หรือ 18 บาท แล้วแต่รถที่จะขึ้นได้
ค่าอาหหารเช้า 25 - 30 บาท + ค่าน้ำ 10 บาท
ค่ารถเมลล์ตอนเย็น 7 บาท 18 บาท หรือ 22 บาท แล้วแต่รถที่จะขึ้นได้
วันทำงานไม่ค่อยหมดเงินเท่าไหร่ แต่เสาณือาทิตยืออกข้างนอกทีก้เสียตัง 555
2007-09-07 00:06:55
·
answer #9
·
answered by NooaoM 4
·
0⤊
0⤋
แบ่งเงินเป็นส่วนๆค่ะ เช่น
ค่าใช้จ่ายประจำวัน เงินออม ค้าเช่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ อะไรก็ว่าไป
คำนวนจากค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนว่าเฉลี่ยแล้วคุณจ่ายเงินสำหรับเรื่องเหล่านี้ไปเท่าไหร่ ก็กำหนดเงินเป็นส่วนๆไป
อย่างเช่น ดิฉัน มีงานอดิเรก คืออ่านหนังสือ ดูหนังและฟังเพลง ก็จะกำหนดเงินในแต่ละเดือน สำหรับเรื่องนี้ 1,500 บาท
ถ้าหากว่าเดือนนี้คุณซื้อหนังสือแล้ว 500 บาท ก็จะมีเงินเหลืออีก 1,000 เพื่อ ดูหนังหรือซื้อซีดี วิธีนี้ช่วยให้ดิฉันรอบคอบมากขึ้นก่อนจะซื้อ เพราะถ้าต้นเดือนซื้อซะหมดงบ เกิดไปเจอหนังสือเล่มอื่นที่อยากได้อีก ก็จะเสียดาย
แต่ถ้าเดือนนั้นไม่มีหนังสือที่น่าสนใจ เงินที่เหลือก็จะกลายเป็นเงินออมค่ะ
2007-09-06 22:24:55
·
answer #10
·
answered by veatal 3
·
0⤊
0⤋