ไปอ่านเจอมา เลยนำมาฝากค่ะ "ซื้อของเยี่ยมคนไข้"
การซื้อของเพื่อไปเยี่ยมผู้ป่วย สิ่งที่จำเป็นต้องรู้คือ ผู้ป่วยเป็นโรคอะไร ได้รักษาอย่างไร มีโรคประจำตัวอะไร
มาดูของต่างๆที่เป็นของฝากกัน ว่าเหมาะสมต่อการนำเป็นของฝากหรือไม่
1. ซุปไก่สกัด
ของฝากยอดนิยมที่นิยมซื้อไปฝากผู้ป่วยในโรงพยาบาลตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน แต่ว่าสิ่งนี้เป็นของต้องห้ามในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ(พวกที่น้ำท่วมปอด), ความดันสูง เกาท์ และโรคไต เนื่องจากมีปริมาณเกลือสูง ไม่สมควรนำไปเยี่ยมไข้ผู้สูงอายุ
และอย่าลืมว่าซุปไก่สกัดมีกลิ่นค่อนข้างแรง คนที่ชอบก็มี แต่คนที่แค่ได้กลิ่นก็เวียนหัวอาเจียนก็เยอะ
2. นม
นมนานาชนิด ทั้งนมกล่อง นมกระป๋อง ทั้งเสริมสารอาหารนานาชนิดรูปแบบต่างๆกัน
ข้อที่ควรรู้ของนมก็คือ
ข้อแรก การกินนมทำให้เกิดอาการท้องเสียได้จากการที่นมไม่ย่อย (คนไทยมักขาดเอนไซม์แลคเตส) ดังนั้นจึงไม่ควรนำไปเยี่ยมผู้ป่วยที่ปกติไม่ค่อยได้ดื่มนมอยู่เดิม ผู้ป่วยที่ท้องเสียอยู่ หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวที่หากท้องเสียขึ้นมาจะดูแลลำบาก(เช่นอัมพฤกษ์อัมพาต ไม่ค่อยมีแรงขยับตัวลำบาก)
ข้อที่สอง ของที่มีในน้ำนม เช่น ไขมัน หรือน้ำตาล ดังนั้นก็คงไม่เหมาะหากนำไปเยี่ยมผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด โรคเส้นเลือดสมอง มีภาวะไขมันสูง เบาหวาน
ในทางปฏิบัติ นมถือเป็นอาหารเยี่ยมไข้ที่ก่อปัญหาได้มาก เพราะเจอได้บ่อยๆว่าเป็นสาเหตุของการถ่ายเหลวในโรงพยาบาล ... ถ้าผู้ป่วยไม่ได้ดื่มนมแต่เดิม ก็ไม่สมควรนำไปเป็นของเยี่ยมไข้
3. นมเปรี้ยว
คล้ายๆนมสด แต่ว่าแตกต่างกันตรงที่การดื่มนมเปรี้ยวทำให้ท้องเสียได้น้อยกว่านมสด แต่ข้อที่เด่นชัดขึ้นคือข้อสองในเรื่องน้ำตาล เพราะนมเปรี้ยวเกือบทุกยี่ห้อในไทย ต่างผสมน้ำตาลทั้งสิ้น จึงต้องระวังในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน
4. ดอกไม้
ดูเผินๆไม่น่ามีอะไร แต่ดอกไม้มีผลมากกว่าแค่ตัวผู้ป่วย แต่ยังมีผลต่อคนรอบข้าง , โรคที่ต้องระมัดระวังคือ โรคภูมิแพ้และหอบหืด ซึ่งเกสรดอกไม้สามารถทำให้เกิดอาการได้
บางครั้งผู้ป่วยกำลังอาการดีขึ้น แต่พอเจอของเยี่ยมไข้เข้าไปก็เกิดอาการหนักยิ่งขึ้น , หรือร้ายยิ่งกว่านั้น บางคนนอนอยู่ดีๆ พอเตียงข้างๆเอาดอกไม้มาวาง ก็เลยหอบหืดจับขึ้นมา.ก
นอกจากภูมิแพ้ ดอกไม้สดยังมีเชื้อโรคอยู่ เพราะเป็นของสดจากธรรมชาติ มักไม่ได้ล้างให้สะอาด ... สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการติดเชื้อในกรณีมีผู้ป่วยที่มีบาดแผล
5. ของกินต้องสงสัย
ส้มตำ ขนมจีน ลาบ ปลาร้า อาหารทะเลฯลฯ
ปกติผมเองจะไม่ห้ามการนำอาหารจากบ้านมากิน เพราะรู้ดีว่าคนที่มานอนรพ.ไม่ค่อยมีใครอยากกินอาหารโรงพยาบาลแต่อยากกินอาหารที่ตนเองชอบ ทุกครั้งที่ญาติหรือผู้ป่วยถาม หากไม่มีข้อห้ามอื่นจะอนุญาตให้ผุ้ป่วยกินอะไรก็ได้ในข้อแม้ที่ว่า ต้องสะอาดและทำสุก
แต่ก็บ่อยที่เจอว่าเมื่ออนุญาตแล้ว ก็เล่นกินกันแบบสุดโต่ง เช่นเอาลาบหมูดิบมากิน , ซื้อขนมจีนตอนเย็น เอามาให้กินตอนเช้า , เอาของดิบๆมาบีบมะนาวแล้วบอกว่าสุก
ต้องเน้นว่าจะเอาอะไรมาเยี่ยม ก็ขอสุก(แบบร้อนๆ) สะอาด , ถ้าไม่งั้นท้องเสียขึ้นมาก็อย่าโทษโรงพยาบาล
6. ผลไม้
ผลไม้เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยน้ำ เกลือแร่ และน้ำตาล
ผู้ป่วยที่ไม่เหมาะกับผลไม้คือผู้ป่วยโรคหัวใจ(พวกน้ำท่วมปอด) โรคไตวาย และเบาหวาน การจะกินผลไม้นั้นมักไม่ได้ห้ามทุกชนิด แต่จะกินชนิดไหนได้ ต้องถามหมอเจ้าของไข้ก่อน จะชัดเจนกว่า
7.ตุ๊กตาขนปุย
ปกติตุ๊กตาขนๆ สามารถนำเชื้อโรคได้ โดยที่บางคนอาจจะบอกว่าซื้อมาใหม่ๆไม่น่าจะเป็นไร แต่อย่าลืมว่าหากเป็นห้องรวม เจ้าตุ๊กตานี้แม้จะไม่ได้เป็นตัวนำเชื้อจากบ้านมา แต่อาจจะนำเชื้อโรคจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้
พูดถึงตัวของฝากไปแล้ว คงจะต้องพูดเรื่องโรคที่ต้องระวังด้วย
1. ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง
โรคเบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง หัวใจ เกาท์ ไตวาย เป็นโรคที่จำเป็นต้องจำกัดอาหารบางชนิดอยู่แล้ว ดังนั้นก็ควรถามคนที่ดูแลใกล้ชิดหรือศึกษาให้ดีเสียก่อน หากเป็นไปได้ก็ควรเลือกของฝากที่ไม่ใช่อาหาร
2.ผู้ป่วยผ่าตัดช่องท้อง
การผ่าตัดเข้าไปในช่องท้อง จะมีการงดน้ำงดอาหารหลังการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นผ่าตัดไส้ติ่ง ผ่าลำไส้ ผ่าคลอด ผ่านิ่วในไต (สรุปว่าทุกอย่างที่เข้าท้อง หลังผ่าต้องงดต่อ) เพราะหลังการผ่าเข้าไปลำไส้จะหยุดทำงาน การกินอาหารเข้าไปอย่างเบาๆอาจจะเกิดการอาเจียน หรือถ้าอย่างหนักก็อาจจะเกิดการขาดของส่วนที่เย็บไว้ในท้องถึงตายได้
ดังนั้นหากไปเยี่ยมผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดในช่องท้อง ก็ไม่ควรนำของเยี่ยมที่เป็นของกินไปให้ พราะนอกจากผู้ป่วยจะกินไม่ได้ คนที่เฝ้าก็จะกินแทนแล้วทำให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกไม่ดีและเครียดเอาเปล่าๆ
3. ผู้ป่วยที่มีประวัติการแพ้อาหาร
ที่รพ.เคยมีเด็กมานอนรพ.เนื่องจากแพ้ขนมปังรุนแรง(เกือบตาย) ปรากฎว่าของเยี่ยมเป็นขนมเค้ก....
อาหารสำเร็จรูปต่างๆ มีส่วนประกอบหลายชนิด บางครั้งถ้าไม่อ่านดีๆอาจจะไม่รู้ว่าอาหารนั้นมีส่วนผสมของอะไรอยู่
อย่างเช่น ผู้ป่วยแพ้อาหารทะเล ... แต่เอาอาหารมาฝากเป็นผักกาดจอ ... ส่วนผสมของผักกาดจอ มี ผักกาด กะปิ มะขามเปียก .... ดังนั้นพอผู้ป่วยแพ้อาหารทะเลกินกะปิเข้าไป อะไรจะเกิดขึ้นก็คงพอจะทราบ
หรือผู้ป่วยแพ้ไข่ แต่ไปซื้อขนมเค้กมาให้กิน โดยไม่ทราบว่า ในเค้กหลายๆชนิดมีไข่เป็นส่วนผสม ....
ถ้าผู้ป่วยมีประวัติแพ้อาหารมานอนรพ. ของเยี่ยมไม่ควรจะเป็นอาหาร
คงจะยกตัวอย่างที่พบได้บ่อยไว้เพียงเท่านี้ค่ะ ทั้งนี้การซื้อของฝากในการเยี่ยมไข้ที่จริงแล้วเป็นการแสดงความปรารถนาดีและห่วงใยต่อผู้ป่วย คุณค่าของมันจึงไม่ได้อยู่ที่สิ่งของ ผู้ไปเยี่ยมไม่จำเป็นต้องมอบเป็นสิ่งของ อาจจะให้เป็นการ์ดสักใบ พูดคุยกับผู้ป่วยและผู้ที่เฝ้า สอบถามสารทุกข์สุกดิบ
หากต้องการมอบเป็นสิ่งของ ก็อาจจะลองสอบถามจากผู้ที่เฝ้าไข้ใกล้ชิดว่าขาดเหลืออะไร แล้วซื้อเป็นของนั้นๆให้ , สังเกตดูว่าจะต้องอยู่ที่รพ.กี่วัน ถ้าอยู่ไม่นาน ก็อาจจะนำของไปเยี่ยมที่บ้านแทนที่จะไปให้ที่รพ. เพื่อผู้ป่วยจะได้ไม่ต้องพะวงกับการขนย้ายของค่ะ
2007-07-23 22:55:11
·
answer #1
·
answered by กระจกใส 7
·
2⤊
0⤋
ผมเคยผ่าตัดใส่ติ่งหลังผ่าตัดห้ามกินของทุกอย่าง มิเช่นนั้นกระเพาราะทุลุ และก็ไข่ ห้ามกิน เพราะแผลผ่าตัดจะไม่ต่อกันเร็ว
2007-07-24 07:52:47
·
answer #2
·
answered by khak_mint 1
·
0⤊
0⤋
คนไข้หลังผ่าตัดคงได้แต่น้ำเกลือ ของท่ีนำไปเยี่ยมส่วนใหญ่จะให้คนเฝ้ามากกว่า
ถ้ามีการ์ดน่ารักๆ สักใบเขียนว่า "หายเร็วๆนะ"พร้อมกับยิ้มท่ีแสดงความห่วงใย ก็ซึ้งแล้วค่ะ
ส่วนของต้องห้ามคงแล้วโรคและสุขภาพของคนไข้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือพย่บาลท่ีดูแลอยู่ค่ะ
2007-07-24 01:35:29
·
answer #3
·
answered by ♥ MiM ♥ 5
·
0⤊
0⤋
คำตอบนี้ดีจังเลยครับขอเอาไปไว้ใช้มั่งนะครับ ผมว่าขึ้นอยู่กับคนให้นะครับอยากให้เขาหายเร็วๆมีร่างกายที่แข็งแรงคิดว่าน่าจะให้เป็นประเภทอาหารเสริมก็ดีนะครับ จำพวกที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อที่มีโปรตีนเยอะๆ แผลจะได้สมานเร็วๆ เช่น พวกซุปไก่สกัด นม (ไม่รู้คนป่วยกินได้ยัง) ผมว่าคนป่วยยังกินอะไรไม่ได้มากหรอก หาของที่น่ารักๆ ไปฝากดีกว่า หรือไปเพียงมือปล่าวๆ คนเขาก็ดีใจหายแล้ว
2007-07-23 23:31:47
·
answer #4
·
answered by Anonymous
·
0⤊
1⤋