เมื่อกล่าวถึงบัวราชินีแห่งไม้น้ำ คนทั่วๆไปก็จะนึกถึงพืชไม้น้ำ 3-4 ชนิดคือ บัวหลวง บัวผัน บัวเผื่อน และบัวสาย
การใช้ประโยชน์
-บัวหลวงพวกดอกขาว มักจะใช้เป็นดอกไม้บูชาพระเป็นส่วนใหญ่
-บัวหลวงดอกชมพูจะใช้บูชาพระบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเก็บฝักบริโภค
-บัวผันบัวเผื่อน ชาวนาเก็บหัวบริโภคหรือใช้เป็นยา
-บัวสาย ใช้สายบัวเป็นผักบริโภค
บัวปทุมชาติ (บัวหลวง, Lotus)
ประโยชน์
-บัวเป็นไม้ประดับและไม้ตัดดอก
-เมล็ดแก่กินได้ โดยนำต้นอ่อนในเมล็ดที่ขมซึ่งเรียกว่า ดีบัวออก กินดิบๆ หรือต้ม คั่ว รับประทาน
-เหง้า ก้าน ใบอ่อนกินเป็นอาหาร สามารถนำมาใช้เป็น อาหาร ยาแก้ร้อนใน แก้ประจำเดือนไม่ปกติ เป็นยาบำรุงกำลัง ยาแก้ท้องร่วง แก้ริดสีดวงทวาร
-เหง้าแก่เป็นยาขับปัสสาวะ
-รากบัวหรือเหง้า แก้ไข้ พิษร้อน แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ชูกำลัง แก้เสมหะ น้ำลายเหนียว แก้ไอ เป็นยาเย็นแก้พิษอักเสบ แก้พิษฝีต่าง ๆ แก้ปวดบวม ยังช่วยเจริญอาหาร และแก้อ่อนเพลียได้ด้วย กินแล้วรู้สึกอยากอาหารและกินอาหารได้มากขึ้น ช่วยให้หายอ่อนเพลีย สดชื่นมากขึ้น
ต้มกิน เป็นวิธีที่นิยมใช้กันทั่วไป คือเอารากบัวมาฝานเป็นแว่นมากน้อยตามต้องการ ใส่น้ำพอท่วมยา ต้มให้เดือดนาน 10-15 นาที แล้วรินน้ำยามาดื่ม วันละ 3-4 ครั้ง ๆ ละ 1 แก้ว เมื่อน้ำยาหมดแล้วให้เติมน้ำใหม่ ต้มดื่มได้อีกครั้ง น้ำยานี้ถ้าเติมน้ำตาลจะอร่อยขึ้นมาก แต่น้ำตาลไม่ถูกกับโรคร้อนใน ดังนั้นถ้าจะเติมน้ำตาลควรเติมให้น้อยที่สุด
คั้นเอาน้ำกิน รากบัวสด ๆ มีฤทธิ์แก้ร้อนในได้แรงกว่าน้ำต้มรากบัว วิธีกินให้เอารากมาตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำกิน ครั้งละ 3-4 ช้อนแกง วันละ 3-4 ครั้ง
กินสด บางท่านใช้วิธีเคี้ยวกินสด ๆ เลย โดยเอารากบัวหลวงอ่อน ๆ เคี้ยวกินธรรมดา ๆ
รากบัวนอกจากเอามาต้มน้ำ หรือคั้นน้ำกินแล้ว ยังเอามาทำเป็นอาหารได้ รากบัวต้มกระดูกหมู เป็นอาหารอร่อยเลิศรส สำหรับท่านที่รับประทานมังสวิรัติ
**ระวัง อย่ากินน้ำคั้นรากบัวและรากบัวสด ๆ มากเกินไป อาจทำให้แน่นหน้าอกได้
-กลีบดอกชั้นนอก ใช้ทำยาแก้โรคหนองใน ยาแก้ท้องร่วง ยาแก้ไข้ ยาสมานแผล ยาบำรุงหัวใจและคลอดลูกอ่อน รวมทั้งนำไปทำเครื่องสำอางค์ และใช้มวนในบุหรี่แทนใบตองได้
-เกสรใช้ทำยาหอม เป็นยาบำรุงหัวใจ แก้โรคกษัย แก้โรคลำไส้อักเสบ
-ตีบัวใช้บำรุงหัวใจและบำรุงประสาท ใช้เป็นยาลดไข้ ยาแก้ท้องร่วง ยาขยายหลอดเลือดได้( มีสาร methylcoly polline )และลดน้ำตาลในเลือดได้
-เมล็ดบัวใช้ในการประกอบอาหาร
-ใบบัวใช้ห่ออาหาร ใบอ่อนใช้เป็นอาหาร ทำยาแก้ไข้ เป็นยาบำรุงเลือด ยาแก้โรคผิวหนัง แก้ท้องร่วง และเป็นยาห้ามเลือด สมานแผล ใบแก่ใช้ห่อของได้
-กลีบดอกชั้นในมีรสฝาด ใช้แก้คลื่นไส้อาเจียน บางประเทศชงกลีบดอกเป็นน้ำชา ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ
-เปลือกแห้งของเมล็ด ใช้เพาะเห็ด และทำปุ๋ยได้
-ก้านใบ ก้านดอก
เป็นยาครรภ์รักษา ยาแก้มุตกิต เป็นยาบำรุงกำลัง ยาบำบัดแผลในลำไส้ ทำกระดาษ และเส้นใยใช้ทำไส้ตะเกียง
-ฝัก
-ฝักอ่อนนำมาอบหรือตากแห้งใช้ปักแจกัน ตกแต่งสถานที่แทนดอกไม้แห้งได้ ฝักแก่นำมาทำปุ๋ย
-ต้นและดอก
เป็นไม้ดอกใช้ประดับสถานที่ ดอกบัวนำมาปักแจกันเพื่อความสวยงาม และนำไปบูชาพระ
-มีชาวบ้านจาก 3 ตำบลคือ พนมเศษ ทับกฤชและพระนอน จ.นครสวรรค์ เก็บใบบัวสดจากบึงบรเพ็ดมาตากแห้งส่งขายครั้งละ 100-400 กิโลกรัม รายได้กิโลกรัมละ 12-20 บาท เกสรดอกบัวทำให้แห้งได้ประมาณ 5-7 กิโลกรัม จะนำไปขายให้พ่อค้าคนกลาง ราคากิโลกรัมละ 200-300 บาท และขุดรากบัวไปขายได้กิโลกรัมละ 15 บาท โดยในส่วนการเก็บนี้ ชาวบ้านได้ใช้แรงงานในครอบครัวเป็นหลัก ประมาณ 2-3 คน จะมีพ่อค้าคนกลางในท้องถิ่น ที่รับซื้อใบบัวแห้ง มีเพียง 2 ราย อยู่ในตำบลทับกฤช อำเภอชุมแสง หลังจากนั้นใบบัวแห้งจะถูกส่งออกไปยังประเทศจีน มาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นต้น โดยเกสรบัวจะถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของยาสมุนไพร เครื่องสำอาง มีตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนการเก็บใบและเกสรบัว จะสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเฉลี่ยประมาณเดือนละ 7,000-15,000 บาท
บัวอุบลชาติ (บัวผัน บัวเผื่อน บัวกินสาย)
-บัวผัน มีดอกเล็ก สีครามอ่อนแล้วเปลี่ยนเป็นสีม่วง ชมพู ใช้กินดิบๆ เป็นผักจิ้ม
หัวใช้เป็นยาได้ ต้นและดอก เป็นไม้ดอกไม้ประดับ เครื่องสำอางประทิ่นกลิ่น
-บัวสายหรือบัวขม
*สายของบัว ก้านดอกเป็นอาหาร
ที่นำมาแกง นำมาผัดหรือนำมารับประทานเป็นผักสดก็ได้ บรรเทาความร้อนในร่างกาย
*หัว เป็นยา
*ต้นและดอก เป็นไม้ดอกไม้ประดับ ทำเครื่องสำอางประทิ่นกลิ่น
*บัวสายมีรสจืด เย็น ช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกาย สายบัว 100 กรัมให้พลังงานต่อร่างกาย 6 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยเส้นใย ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง ซี ไนอาซิน
บัวจงกลนี
-หัวเป็นยา
-ต้นและดอก เป็นไม้ดอกไม้ประดับ
บัวฝรั่ง
-ต้นและดอก เป็นไม้ดอกไม้ประดับ
บัวกระด้ง
ก้านใบ – ก้านดอก เป็นอาหาร
-เมล็ด นำมาใช้เป็นอาหารทดแทนแป้งจากข้าวได้
-ต้นและดอก เป็นไม้ดอกไม้ประดับ
2007-12-23 10:28:20
·
answer #1
·
answered by กระจกใส 7
·
3⤊
0⤋
ต่อไปนี้ เราจะมาวิสัชณาเรื่องบัวตามแบบฉบับของเรา
บัว เป็นพืชที่มีประโยชน์ ทุกส่วน (บัวไทยนะฮะ) เริ่มจากราก เอาไปทำน้ำรากบัว
หวานอร่อยสดชื่นเป็นยาแก้ร้อนใน แก้อาเจียน
เหง้า น้ำเหง้าบัวรสหวานมัน ก็เป็นยา โดยเฉพาะใครที่เป็นโรคความดันดื่มบ่อยๆลดความดันได้ดี(แต่ไม่ยึนยันเรื่อง ความดันทุรังสูง)
สมัยข้าพเจ้ายังเป็นหนุ่มน้อย ข้าพเจ้าแวะไปดี่มเป็นประจำที่ตลาดบางรัก ยุคหนูชุกชุม
ส่วนอื่นๆมีประโยชน์ทั้งสิ้น สุดจะบรรยาย ณ ที่นี้ เอาอันสุดท้าย คือดีขมๆ ช่วยขยายหลอดเลือด แก้อาเจียนเป็นโลหิต (เสียดายจิวยี่ ถ้ารู้จักกันข้าพเจ้าจะนำดีบัวไปให้
จะได้ไม่ตายเพราะรากเลือด)
นั่นเป็นคุณประโยชน์ทางยาคร่าวๆ คุณประโยชน์ทางใจคือ บัวมีหลายเพศหลายพันธ์
กลิ่นหอมต่างๆกัน บานคนละเวลา ถ้าเราเลี้ยงบัวไว้หลายๆพันธ์ เราก็จะได้ชื่นชมดอกบัว
พันธ์นั้นพันธ์โน้นพันธ์นี้ บานได้ตลอดเวลา ทั้งวันและคืน
บัวยังปลูกง่าย ไม่ต้องรดน้ำพรวนดิน เหมาะสำหรับชาย-หญิงที่ขี้เกียจ แต่อยากมีดอกไม้
ประจำบ้าน
บัว ยังทำให้ข้าพเจ้าเจริญอาหาร เพราะตอนข้าพเจ้าไปเยี่ยมญาติแถวอยุทธยาหน้าน้ำ
พวกเขาหุงข้าวห่อใบบัว เดาะน้ำพริกมะขาม แนมด้วยปลาช่อนแห้ง แล้วถีบหัวเรือส่ง
ให้ข้าพเจ้ากับพวกไปหาผักเอาดาบหน้า (ใจร้ายมาก) ข้าพเจ้าก็เด็ดก้านบัวอวบๆกรอบๆ
แกล้มน้ำพริกที่เผ็ดสะเด่า ได้ใจ (อื้ยยยยย น้ำหลายไหล)
เห็นไหมว่าบัวมีประประโยชน์ คนไทยส่วนใหญ่จึงรักบัว และเรียกอวัยวะส่วนที่น่ารักของ
สครีว่า ปทุมถันบ้าง ปทุมมาลย์บ้าง
และน้องบัวคนข้างบ้านก็น่ารักอีกแน่ะ
2007-12-23 11:52:02
·
answer #2
·
answered by space lord 6
·
2⤊
0⤋
จ๊ะเอ๋
ดอกบัวยังใช้ตากแดด นำมาบดทำยารักษาโรคได้อีกด้วย ส่วนโรคอะไรนั้น เดี๋ยวรอ ทอปคอนติบิวเตอร์มาตอบนะคะ นอกจากนี้ ยังนำไปเป็นส่วนผสมของการทำพระผง และใบบัวยังใช้ทำงานศิลปได้อีกด้วย ฝักบัวก็ทานได้ ก้านบัวใช้ดำน้ำสูดอากาศแอบไปหาสาวๆ มองดูดอกบัวทำให้จิตใจผ่องใส ป้องกันโรคประสาทเครียด
แต่ตัดบัวยังเหลือใย ตัดสวาทจะขาดได้อย่างไรอย่างนี้ ชีช่ำกะหล่ำแฉะ อกอีเเป้นแตก อกหักดีกว่ารักไม่เป็นค่ะ
2007-12-23 09:23:39
·
answer #3
·
answered by อาเหนียว หนึบหนับ( อารารั่วโตเเล้ว) 6
·
2⤊
0⤋
เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อย่างหนึ่ง
ทำให้สวยงาม สดชื่น มีความสุข รู้สึกอ่อนโยนอย่างธรรมชาติ
ใช้บางส่วนเป็นอาหารได้ บางครั้งก็สามารถหารายได้ได้ เช่น
ตัดขาย แบ่งขาย
2007-12-23 19:17:21
·
answer #4
·
answered by bhichai k 6
·
1⤊
0⤋
ไหลบัวใช้ผัด จะกรอบและอร่อยกว่าก้านบัว ฝักบัว กินได้ บัวตูม-บัวบาน ดูแล้วเพลินตาและได้ข้อคิด
2007-12-23 19:05:06
·
answer #5
·
answered by thongnai 1
·
1⤊
0⤋
บัว เป็นดอกไม้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยพุทธกาล ชาวพุทธนิยมใช้ดอกบัวในพิธีกรรมทางศาสนา สำหรับประเทศไทยดอกบัวเป็นดอกไม้ที่ตลาดมีความต้องการสม่ำเสมอ และในปริมาณที่มาก โดยเฉพาะในวันพระหรือวันสำคัญทางศาสนา ถิ่นกำเนิดของบัวส่วนใหญ่อยู่ในเขตร้อน ดังนั้นจึงสามารถเจริญเติบโตได้ดีในทุกพื้นที่ของประเทศไทย
ประโยชน์ของปลูกบัว
การปลูกบัวที่ใช้เป็นอาหารหรือเรียกกันว่าบัวหลวงนั้นเท่าที่ทำกันอยู่ไม่ถือว่าทำกันเป็นอาชีพหลักนัก เพราะส่วนมากปลูกกันหลังจากเสร็จการทำนาในฤดูหนึ่งๆ แล้วเท่านั้น เสร็จจากการเก็บเมล็ดบัวก็เริ่มทำนาต่อไปหรือบางทีก็ไปประกอบอาชีพอื่น การปลูกใช้รากบัวที่หามาได้ ไร่หนึ่งจะต้องใช้รากบัวประมาณ 200 ราก การปฏิบัติก็ไม่ต้องดูแลรักษามากมายอย่างไร ขอเพียงให้มีน้ำตลอดเวลาที่ปลูกเท่านั้น ถ้าเริ่มปลูกในเดือนธันวาคมหรือมกราคมประมาณเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมก็เก็บเอาดอกและฝักไปขายได้และเริ่มเตรียมดินทำนาต่อไป ประโยชน์ของบัวที่สวยงามก็มีประโยชน์เพื่อความสวยงามและเจริญตา ส่วนเมล็ดใช้ประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวานแถมยังส่งไปขายยังต่างประเทศได้ราคาดีอีกด้วย เกสรบัวหลวงใช้เป็นส่วนผสมของตำรายาพื้นบ้านของไทยเราหรือที่เรียกกันว่าเครื่องยาไทย บัวเม็ดอ่อนๆใช้รับประทานดิบๆ อย่างผลไม้อื่นๆ ก็ได้ ดอกบัวใช้บูชาพระ ใบบัวสดๆ ใช้ห่อสิ่งของต่างๆ แทนใบตองก็ได้ และส่วนที่เป็นประโยชน์อันสุดท้าย คือ ราก นอกจากจะใช้สำหรับปลูกเพื่อการขยายพันธุ์ดังกล่าวแล้วยังใช้ทำยาต้มหรือยาหม้อรับประทานเป็นยาระงับความร้อนภายในได้อีกด้วย
ดอกบัวเป็นพืชเศรษฐกิจปลูกเป็นสินค้าขายได้ทั้งดอกบัวและเมล็ดบัวแห้ง
ตลาดดอกบัวที่สำคัญ คือ ปากคลองตลาด และตลาดจำหน่ายดอกไม้ในทุกจังหวัด โดยมีราคาแต่ละช่วงของปีไม่เท่ากัน ดอกบัวมีราคาดีในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ และราคาต่ำในช่วงเมษายน-ตุลาคม แต่ราคาเฉลี่ยประมาณดอกละ 1 บาท นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีการส่งดอกบัวไปจำหน่ายในต่างประเทศ ประเทศผู้รับซื้อที่สำคัญ คือ ออสเตรีย เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งในปี 2534 มีมูลค่าการส่งออก 36,933 บาท (เฉพาะที่ผ่านการออกใบรับรองปลอดศัตรูพืช)
ในประเทศไทยนิยมซื้อขายเมล็ดบัวแห้งที่ยังไม่ได้กระเทาะเปลือก เพราะสามารถเก็บไว้ได้นาน เมื่อถึงช่วงที่ตลาดต้องการจึงกระเทาะออกมาจำหน่าย สำหรับตลาดรับซื้อเมล็ดบัวภายในประเทศที่สำคัญ คือตลาดทรงวาด และตลาดคลองเตย นอกจากนี้ยังสามารถส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศในปี 2534 มูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท โดยประเทศที่รับซื้อที่สำคัญคือ เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์
2007-12-23 10:43:50
·
answer #6
·
answered by Q_jaguar 4
·
1⤊
0⤋
คุณคิดจะปลูกบัวชนิดเดียวได้ประโยชน์ครอบจักรวาล
เลยเชียวรึ ... แต่ก็เห็นด้วยครับ
ผมชอบบัวมาก แต่ด้วยความที่เป็นไม้ที่ต้องเอาใจมาก
แล้วเราก็ไม่มีเทคนิคที่จะปลูกให้มีดอกตลอดปี
มันก็เลยมีแต่ใบ ใส่ปุ๋ยหน่อยก็ใบโตมาก แต่ไม่มีดอก
แต่ก็ยังชอบอยู่นั่นแหละครับ เป็นไม้ประดับประจำบ้าน
ดูแล้วอุ่นใจ ชื่นใจ ไม่เหมือนไม้อื่น
2007-12-23 10:17:13
·
answer #7
·
answered by Kanes 6
·
1⤊
0⤋