คนจนมีส่วนร่วม แต่เป็นส่วนร่วมของต้นทุนการผลิต
การกำหนดมูลค่าสินค้าขึ้นอยู่กับผู้ผลิตจริง แต่ไม่ใช่แค่นั้น บางโครงการยิ่งกว่านั้นอีก คือมีเจ้าหนี้เงินกู้ร่วมกำหนดราคาด้วย จะทำอย่างไรให้สินค้ามีกำไร ก็ต้องควบคุมต้นทุน ค่าแรงเป็นหนึ่งในต้นทุนสินค้า
การจ้างงานทำให้เงินสะพัดแต่ก็ทำให้เงินเฟ้อ (เสื่อมค่า) เพราะการจ้างงานโดยค่าแรงคงที่เป็นเวลาหลาย ๆ ปีนั้น ทำไม่ได้ในชีวิตจริง มีรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องในการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ มีคู่แข่งทางธุรกิจที่จะเข้ามาแย่งแรงงาน ดังนั้นจึงมีการขึ้นค่าแรงให้เพื่อรักษาหรือดึงคนมาทำงานให้ และค่าแรงเหล่านั้นก็ย้อนกลับมาเป็นต้นทุนการผลิต
เมื่อมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพื่อหวังจะให้แรงงานมีเงินมาซื้อของมากขึ้น ราคาสินค้าจะต้องขึ้นตามอย่างช่วยไม่ไ้ด้ เว้นแต่ผู้ผลิตนั้นจะโดนรัฐขอร้องหรือบีับ ซึ่งทำได้เพียงแค่ระยะเวลาหนึ่้งเท่านั้น แค่นี้ก็เหนื่อยใจแล้วที่จะหาทางแก้ไขกับสิ่งที่ถามมา
หากจะแก้ไขในระบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ลองมองดูว่าในความเป็นจริงทำได้ยากมาก เพราะแม้แต่ระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ซึ่งพอจะให้ที่พักพิงกับทุกคนในระบอบก็ยังพังทลายมาแล้ว แต่ที่พักพิงของคอมมิวนิสต์ที่จัดโดยรัฐบาลกลางนั้น คุณภาพก็ไม่ดี เคยเห็นภาพอพาร์ทเม้นท์เก่า ๆ ในบางตึกนั้นออกแบบแย่ ขนาดว่าอ่างอาบน้ำยื่นออกมาจากตึกในทุกชั้น และทุกห้องมีอ่างอาบน้ำห้องอื่นยื่นออกมา โดยมีผนังปิดให้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะแบบผิดแต่แก้ไขไม่ได้ เพราะรัฐสั่งมาแล้ว
ส่วนในระบอบใหม่ที่เรายังไม่เห็นกันนั้น ก็ยังมาไม่ถึง คำถามข้อนี้อยากตอบแต่ตอบไม่ได้ ได้แค่เสนอความเห็นเท่านั้น
ป.ล.ถ้าคนลดความอยากได้ ซึ่งต้องค่อยเป็นค่อยไป และไม่มีต่างชาติมาแทรกแซงจนเกินไปนั้น ระบบเศรษฐกิจพอเพียง จะมีความเพียงพอที่จะตอบข้อนี้ครับ
2007-12-13 13:20:29
·
answer #1
·
answered by Brunello 6
·
3⤊
0⤋
เพราะคนจนขาดปัจจัย และอ่อนแอในทุกๆด้าน ในเมื่อคนรวยใช้ชีวิตแบบเงินต่อเงิน ก็คิดในมุมกลับดูก็จะเห็นได้ว่า คนจนไม่มีต้นทุนใดๆเลยที่จะมาต่อยอดการดำเนินชีวิต แล้วคนจนจะไปมีบทบาทอะไรได้
2007-12-13 13:53:40
·
answer #2
·
answered by Anonymous
·
2⤊
0⤋
คุณเคยเห็นไหม ว่านายทุนเขากำไรกันกี่สิบกี่ร้อยกี่พันพันล้าน ปากก็บอกว่าช่วยสังคม แต่ทำไมเวลาจ้างงานกลับให้ค่าแรงต่ำเหลือเกิน เอาเงินไปบริจาคองค์กรต่างๆเพื่อหวังโฆษณาและรักษาภาพลักษณ์ ทุ่มงบโฆษณาเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคสนใจ เหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนราคาสินค้า บอกว่าขาดทุน ซึ่งที่จริงไม่ต้องการกำไรน้อยลงต่างหาก ถ้าจะแก้ต้องให้รัฐบาลออกกฏหมายค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำให้สูงขึ้นตามค่าครองชีพที่เปลี่ยนไปค่ะ ถึงจะแก้ได้ ทุกวันนี้ที่ไม่แก้เพราะกลัวนายทุนมาแอบขึ้นราคาสินค้าอีก และกลัวว่าไม่เป็นประชาธิปไตย รัฐต้องควบคุมราคาสินค้าจำเป็นด้วยค่ะ บ้านหลังหนึ่ง ขายได้กำไรไม่ต่ำกว่า 30% ถ้าเป็นคอนโด ยิ่งกำไรมหาศาล แต่คนงานก่อสร้างก็ยังจนเหมือนเดิม แล้วคุณคิดว่าสาเหตุมาจากอะไรค่ะ ถ้าผู้บริหารหรือนายทุนเห็นใจคนทำงานให้เขา ก็คงไม่ต้องออกกฏหมายควบคุมอะไรหรอกค่ะ ทำไมไม่ให้ค่าแรงเขาวันละ 300 500 ทำไมยังยึดติดกับค่าแรงขั้นต่ำของรัฐ ทั้งๆที่ตอนนี้สินค้าถีบราคาขึ้นหนีไปถึงไหนแล้ว ในเมื่อพวกเรากันเองไม่คิดจะมีใครเริ่มต้น ก็คงต้องใช้กฏหมายบังคับกระมังค่ะ บางทีประชาธิปไตยก็มีช่องโหว่ ต้องอยู่ที่สามัญสำนึกของเราๆท่านๆที่จะช่วยเหลือลูกจ้างลูกน้องของเราให้อยู่ได้และเติบโตไปกับเราด้วยค่ะ
2007-12-13 13:51:16
·
answer #3
·
answered by กระจกใส 7
·
2⤊
0⤋
ถ้ามีบางท่านที่เคยอ่านเรื่องราวของท่าน "มหาตมะ คานธี" จะทราบว่า ท่านได้พยายามทุกวิถีทางที่ต้องการให้เกิดความเท่าเทียมกันในสังคม จนวาระสุดท้ายของชีวิต ก็ไม่ได้ ท่านจึงได้กล่าวไว้ว่า "การสร้างความเท่าเทียม ให้มีขึ้นในสังคม เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้" ประมาณนี้ จำประโยคจริงไม่ได้ แล้วท่านก็ยอมรับเกี่ยวกับ"ฐานันดร" ที่คงมีต่อไป
ถ้าเป็นคนจน หมายถึง "มูลค่าตัวเงิน" แล้ว ทางเศรษฐกิจ คงไม่ได้แน่ แต่จะมีได้ ก็จาก"ทางกฎหมาย" ยินยอมออกกฎหมายให้เค้าเหล่านั้นกำหนดได้ ว่าแต่ ... ผู้ที่มีหน้าที่ออกกฎหมายทั้งหลายจะจัดให้ได้หรือป่าว มารอดูกันน่ะ ... ตอบคำถามนี้แทนให้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้หน้าที่ในการออกกฎหมาย ....
ไม่เช่นนั้น จะมีเพลงนี้หรอ "คนจน มีสิทธิ์ไหมคร้าบ!!"
พอจะมองออกแล้วยัง ในสังคมเค้าคงยังต้องการ "ปัจจัย "นอกเหนือไปจากปัจจัยสี่ ที่พึงได้รับ ว่าแต่ ปัจจัยสี่ ก็ต้องมาจาก "ปัจจัย" ด้วยสิน่ะท่าน ...^^
2007-12-13 03:33:54
·
answer #4
·
answered by noin@ 4
·
2⤊
0⤋
อาจกล่าวได้ว่า "คนเราทุกคน มีต้นทุนต่างกัน"
คนที่จบประถม 4 ก็รับใช้คนจบมัธยม 3
คนจบมัธยม 3 ก็รับใช้คนจบปริญญาตรี
คนจบปริญญาตรีก็รับใช้คนจบปริญญาโทหรือเอก
คนจบปริญญาเอกก็รับใช้นายทุน
เป็นความลงตัวของสังคมในภาคต่างๆ จริงๆ
พอเราเอามาเทียบกับความยากจนกับสิทธิที่พึงมีพึงได้ เห็นได้ชัดทางภาคใต้ซึ่งเป็นภาคที่มีฐานะดีกว่าภาคอื่นๆโดยเฉลี่ย โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพประมง เพราะชาวประมงมีรายได้ดี จึงไม่อยากทำงานหนักและเสี่ยง ลูกเรือหรือแรงงานจึงต้องหามาจากทางพม่า เขมร หรือชาวอีสาณ
ดังนั้นปัญหาของคนจนจริงๆ คือการหารายได้ เขาคงไม่ต้องการคอนโด หรือเป็นผู้กำหนดราคาสินค้าแน่ แต่ค่าแรงงานที่เป็นต้นทุนได้รวมอยู่ในราคาที่ตั้งแล้วตั้งแต่ต้น แต่สิ่งที่ต้องการคือค่าจ้างแรงงานที่มีความยุติธรรม และเพียงพอแก่การยังชีพ อาจจะมีเหลือเก็บส่งให้ลูกๆ หรือบุพการีได้ใช้บ้าง อาจต้องการความมั่นคงหรืออนาคตบ้าง แต่เรื่องปากท้องต้องมาก่อน
สำหรับการแก้ไขปัญหา ผมว่าเรามีอะไรที่เรียกว่าไตรภาคี พิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่แรงงานเหล่านี้ให้ได้รับค่าแรงเพียงพอแก่การใช้จ่าย แต่จะให้มากๆ จนเจ้าของกิจการอยู่ไม่ได้ หรือมีผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้นจนไม่สามารถแข่งขันได้ก็คงไม่ได้เข่นกันครับ
2007-12-14 04:12:00
·
answer #5
·
answered by Kanes 6
·
1⤊
0⤋
ต้นทุุนทางความคิด ไม่เท่ากัน ครับ
ส่วนประกอบที่นำมาซึ่ง power ในการกำหนดทิศทางของทุกสิ่ง
น่าจะมาจาก
พลังกาย
พลังใจ
พลังเงินทุน
พลังความคิด
เฉพาะเพียงพลังความคิด เท่านั้นที่จะทำหน้าที่กำหนดทิศทางของ
ปัจจัยที่เหลืออีก 3 ส่วน
(เพราะแม้นมีทุกอย่างครบ แต่ คิดไม่เป็น ก็เจ๊งในเวลาแค่ลัดนิ้ว)
ประเด็นก็คงจะเริ่มตรงที่ ทุกองค์ประกอบล้วนเป็นต้นทุน
ที่แต่ละคน ถือมาไม่เท่ากันตั้งแต่แรกแล้ว
สำหรับ กลุ่ม คนที่คุณเรียกว่า คนจน นั้น ที่จนถึงทุกวันนี้ เขายังคง
จนอยู่เพราะ เริ่มต้นจากเขาขาด พลังเงินทุน เกิดมาก็มิได้คาบ
ช้อนทองมาอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่น่าเสียดาย คือ พวกเขามิได้รับการปลูกฝัง หรือ พัฒนา
ทัศนคติ ความเข้าใจ ให้สร้างเสริมปัจจัยสำคัญหลักที่มีพลังสูงสุด
นั่นคือ
พลังความคิด ให้เข้มแข็งเพื่อชดเชยสิ่งที่ขาด
กลับได้รับในสิ่งที่ตรงข้าม ส่งผลให้ปัจจัยที่เหลือ ทยอยสูญหาย
ไปทีละน้อยๆ ถึงแม้นเอาออกมาใช้จริงๆ ก็เพียงทำไปเพื่อยังชีพ
อยู่ได้เท่านั้น เมื่อ พลังความคิด ขาดโฟกัส ก็มิอาจควบคุม
พลังกาย พลังใจ ต่อไปได้ไหว และ เป็นไปได้ยาก ที่จะนำมาซึ่ง
พลังเงินทุน
นั่นหมายถึง หมดสิ้น ซึ่ง power ในการกำหนดทิศทาง
ซึ่งสิ่งที่พิสูจน์ชัดก็คือ คนที่มีพลังความคิดจะไม่มีวันอับจน
และคนที่ร่ำรวยทุกคน ก็เป็นเพราะเขาเต็มเปี่ยมด้วย พลังความคิด
ต่อให้เริ่มจากศูนย์ก็ร่ำรวยขึ้นมาเป็นผู้ กำหนดทิศทาง ได้
เพราะเมื่อ พลังความคิด มา ปัญญาก่อเกิด พลังกาย พลังใจก็พร้อม
รอรับใช้อยู่แล้ว พลังเงินทุนจึงค่อยๆไหลมาสู่ เขา เหล่านั้นในที่สุด
แล้วอำนาจในการกำหนดทิศทางจะอยู่ในมือใคร
2007-12-13 20:58:09
·
answer #6
·
answered by Andy(STPM) 2
·
1⤊
0⤋
คนที่มีส่วนในการกำหนด ราคาสินค้า อย่างแท้จริงก็คือ ทุกคนในสังคมแหละครับ
ถ้าสินค้ามีน้อยกว่า ความต้องการ ราคาก็จะสูง
ถ้าสินค้ามีมากกว่า ความต้องการ ราคาก็จะต่ำ
ดูง่ายๆ ถ้าปีนี้ราคา ผลไม้บางอย่างดี เอาเป็นว่าทุเรียนก็แล้วกัน รับลองได้ว่า ปีหน้าเกษตรกรจะ หันไปปลูกทุเรียนกันหมด ซึ่งก็จะทำให้ ราคาทุเรียนปีหน้าก็จะตก เป็นเรื่องธรรมดา ผมเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโด!
ถ้าจะบอกแต่ว่านาทุน มีเงิน มีอำนาจ กันอย่างเดียวคงไม่ถูก และที่สำคัญไม่ใช่การแก้ปัญหาด้วย นายทุนที่ลงทุนแล้วเจ็งก็มีเยอะแยะไป คนจนที่ลงทุนแล้วรวย ก็มีเยอะแยะไป เหมือนกัน
ดูอย่างประเทศที่เป็นประเทศ เกษตร อย่างออสเตเรีย ถ้ามีการจัดการ การลงทุนที่ดี ผลตอบแทนก็จะดีตาม
อันนี้คงเป็นเรื่องของ รัฐบาล ที่ต้องทำหน้าที่ให้ความรู้เกษตรกร และจัดระบบที่เอื่ออำนวยต่อการลงทุนรวมไปถึงการหาตลาดใหม่ๆ ให้สินค้าของเราได้ออกไปขายด้วย
การเอาเงินไปโยนใสหัว เมื่อไหร่ที่ สินค้าบางตัวราคาตก แล้วบอกว่านี่คือการช่วยเหลือจากรัฐ นั้นไม่ถือเป็นการช่วยเหลือที่ยั่งยื่น ซึ่งผมถือว่าจำเป็นในระดับหนี่ง แต่การช่วยเหลือในระยะยาว เช่นการเปิดตลาดใหม่ๆ ใน ตปทม การให้ความรู้ การวิเคราะห์ตลาด และการจัดระบบในการผลิตร ไม่ว่าจะเป็นในรัฐบาลใหน ก็ยังสอบไม่ผ่าน
สาเหตุง่ายๆที่ เค้าไม่ปล่อยให้คนจน ได้เงยหัวขึ้นมา ก็เพราะว่า เมื่อไหร่ที่คนเริ่มมีความรู้ คนเหล่านั้นก็จะเริ่ม มีความคิดเป็นของตัวเอง เริ่มเรียนรู้ที่จะพึ่งตัวเอง และจะไม่ยอมให้ถูกหลอกได้ง่ายๆ
คุณลองโยนเงิน 1ล้านให้คน ที่ไม่มีความรู้เรื่องการจัดการ เพื่อให้ผลตอบแทนอย่างสูงสุด
กับโยนเงิน 1ล้านให้คนที่มีความรู้ ในเรื่องเศรษศาสตร์ดู
ผลตอบแทนมันออกมาไม่เหมือนกันครับ
มีคนเคยลองทำกับคน กลุ่มแรกมาแล้วครับ แต่เค้าฉลาดที่จะไม่ทำกับคนกลุ่มที่2 เพราะเค้ารู้ว่า ผลตอบแทนมันต่างกัน
2007-12-13 15:56:45
·
answer #7
·
answered by xynic 2
·
1⤊
0⤋
หากรัฐบาลกำหนดค่าแรงขั้นต่ำแบบสูงกว่านี้ ราคาสินค้าไม่ปรับราคา คนจนจะไม่ลำบาก การมีความแตกต่างระหว่างความจนและความรวย คนรวยมีเงิน (ปั่นหุ้นจนกิจการบรรลุเป้าหมาย...รวยเละ) คนจนได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน สร้างบ้านหรือคฤหาสถ์หรูหรา และคอนโดสูงเสียดฟ้าให้คนรวยได้ฟุ้งเฟ้ออยู่ทุกวันนี้ ทางออกคงต้องรอรัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหากันค่ะ
2007-12-13 15:53:30
·
answer #8
·
answered by pai ^-^ 3
·
0⤊
0⤋