English Deutsch Français Italiano Español Português 繁體中文 Bahasa Indonesia Tiếng Việt ภาษาไทย
หมวดหมู่ทั้งหมด

ที่บ้านดิฉันมีคุณลุงเป็นช่างซ่อมรองเท้าค่ะ แกชอบและหาเก็บรองเท้าที่คนอื่นทิ้งแล้วนำมาซ่อมแล้วแจกจ่ายแกคนยากจน โดยเฉพาะรองเท้านักเรียนแกจะให้เด็กนักเรียนที่ยากจนค่ะหรือไม่ก็บริจาคแก่โรงเรียน เคยนั่งคุยกับแกตอนจบม.6เพราะเอารองเท้าเก่าๆไปให้ค่ะ คุณลุงคนนี้อายุ65แล้ว เคยเรียนหนังสือ แต่พออ่าน ออก เขียนได้ก็ออก เพราะทางบ้านไม่มีเงินส่งให้เรียน
เลยมาเป็นช่างซ่อมรองเท้าต่อจากคุณพ่อของเค้า ประทับใจแกมากค่ะ แกบอกว่า ทุกอาชีพมีศักดิ์ศรีหมด เพราะสามารถทำประโยชน์ได้ แต่ทำไมคนเราชอบมองข้ามอาชีพชั้นล่างกันจัง ทำไมไม่มองประโยชน์จากอาชีพที่เค้าเป็นบ้าง แถมบอกด้วยว่าของที่ไร้ค่าสำหรับบางคนนั้น อาจเป็นของมีค่าสำหรับคนที่ไม่มีก็ได้ เค้าก็เลยทำแบบนี้ค่ะ (อึ้งมากๆๆ)
เค้าเป็นช่างซ่อมรองเท้าธรรมดาๆที่ยอมรับตัวเองว่ามีการศึกษาน้อย แต่ยังทำประโยชน์แก่สังคมโดยรวมได้ แล้วคุณล่ะคะ คิดจะทำอะไรแก่สังคมบ้าง
****สำหรับดิฉันยอมรับว่าจบป.ตรีมา แต่ยังทำไม่ได้อย่างแกค่ะ จุดประสงค์ส่วนหนึ่งคือ อยากได้ความเห็นคนอื่นแล้วนำมาประยุกต์ใช้

2007-12-05 17:22:48 · 5 คำตอบ · ถามโดย PeG 3 ใน สังคมศาสตร์ มานุษยวิทยา

5 คำตอบ

เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากๆ ครับ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
ที่ปัจจุบันนี้รัฐบาลหรือแม้แต่สื่อต่างๆ ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญ
หรือยกย่องบุคคลเหล่านี้เท่าที่ควรเลย และก็เป็นความจริง
อย่างทีุ่คุณพูดมาแหละครับ ที่คนล้วนมองข้ามอาชีพชั้นล่าง
เพราะสวัสดิการหรือการยอมรับให้เกียรติจากสังคมมีน้อยมากๆๆ
บางที่ที่ผมเจอมา มองเสมือนบุคคลเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ
ทั้งที่เขาก็ไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนให้กับใคร ตรงกันข้ามพวกผู้ดี
ใส่สูทหลายๆ คนมีประวัติที่เสียๆยิ่งกว่านี้ ทั้ง โกงบ้านกินเมือง
ยักยอกภาษี สารพัดวิธีโกง ที่ทำให้ร่ำรวยขึ้นมาอย่างปัจจุบันนี้
สังคมไม่ได้มองถึงภูมิหลังที่มาเลย กลับหลงไหลได้ปลื้ม
และให้เกียรติยกย่องเคารพนับถือเป็นต้นแบบของสังคมเสียอีก
ผมว่านี้หละคือพฤติกรรมของคนไทยหลายๆ คนส่วนใหญ่ที่ผมเจอะเจอมา จนบางครั้งเห็นพวกนี้บ่อยๆ แทบจะเดินหนีเลย อย่างผมเองก็เคยทำหลายๆ รายการ
ที่พอช่วยเหลือสังคมได้บ้างตามกำลังศรัทธาและกำลังทรัพย์ที่พอมี
ก็เช่น สมัยเรียนออกค่ายไปต่างจังหวัดเคยไปสร้างทั้งส้วม ทั้งอาคารเรียนให้กับเด็กในท้องที่ทุรกันดารมาแล้ว
และในปัจจุบันที่ยังทำอยู่ก็ได้แก่ การบริจาครัพย์สินร่วมกับเพื่อนๆพี่ ในที่ทำงานเพื่อจัดตั้งกองทุนเด็กชนบทห่างไกล
ให้มีห้องสมุด ให้มีค่าอาหารกลางวัน
ทุกวันพระก็จะไปช่วยล้างจานกวาดลานวัด
และบริจาคปัจจัยเป็นค่าน้ำค่าไฟ
และค่าเล่าเรียนให้สามเณรที่มาพักอาศัยได้มีทุนเล่าเรียนครับ

2007-12-06 06:34:26 · answer #1 · answered by Kid D 5 · 0 0

จริงๆก็อยากจะทำค่ะ แต่ยังหาเวลาว่างไม่ได้เลยค่ะ ช่วงนี้ติดงาน อยากว่างบ้างจะได้ทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ ทุกวันนี้ก็เป็นคนที่ไม่เบียดเบียนเพื่อนมนุษย์และทำงานสุจริต รักษาของส่วนรวมของสาธารณะไม่ทิ้งขยะให้บ้านเมืองสกปรกค่ะ จะบริจาคเลือดก็ทำไ่ม่ได้ เพราะโลหิตจาง ก็อยากไปออกค่ายแถวชนบทบ้างแต่ก็ติดที่ไม่รู้จักใครเลยค่ะ ที่ทำได้ก็แค่บริจาคทรัพย์ตามกำลังบางโอกาสและเป็นคนดีของสังคมค่ะ

2007-12-06 01:38:34 · answer #2 · answered by กระจกใส 7 · 1 0

ในขั้นต้นก็คิดว่าทำตัวเองให้ดีก่อนครับ ขับรถตามกฏ ทิ้งขยะให้เป็นที่ แยกขยะให้ด้วยอ่ะ ไม่คิดร้ายใคร ช่วยเหลือคนอื่นได้ตามอัตภาพของเราเอง ประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย

ผมว่าถ้าทุกคนทำได้เท่านี้ ทำที่ตัวเองครับ ยังไม่ต้องให้คนอื่น ผมว่าส่วนรวมจะได้รับสิ่งดีดีจากเราไปด้วย...

ผมเคยถ่ายรายการอยู่รายการนึง อาจารย์ที่เป็นวิทยากรเขาพูดกับผมมานานแล้วว่าอีก 12 ปีเพราะภาวะโลกร้อน โลกจะแย่ผมอยากจะทำอะไร... ผมเลยถามท่านกลับไปว่า "แล้วมันไม่มีวิธีแก้ไขเลยเหรอครับ" เขาตอบผมกลับมาว่า "มี...แต่ใครจะทำ"

"มีรถอยู่สิบคัน จอดซะหก"
"มีไฟสิบดวง ปิดซะสี่ ...เอาแค่สองอย่างนี้ก่อน ใครจะทำ" ท่านพูดต่อว่า "ถ้าทุกคนทำได้ ...ทั้งโลก เห็นผลแน่นอน ส่วนระดับใหญ่ๆโรงงานอุตสาหกรรมก็ค่อยว่ากัน"

ผมคิดในใจ
"นั่นสิเนอะ...ใครจะทำ"

บางเรื่องเพื่อส่วนรวม เรื่องเล็กๆที่เราไม่เคยคิดว่ามันช่วยได้ บางทีมันช่วยได้นะครับ เฟืองตัวเล็กๆใช่ว่าไม่มีความสำคัญ บางครั้ง เครื่องจักรใหญ่ๆที่เฟืองตัวเล็กๆเสีย มันซ่อมยากกว่าเฟืองตัวใหญ่อีกนะ เพราะมันเล็ก มันจะหาจุดที่เสียไม่เจอ...

2007-12-06 03:23:23 · answer #3 · answered by akiyama 1 · 0 0

แค่เคยคิดน่ะ นี่ก็ 50 ไม่รู้มันจะทันไหม อยากทำบ้านพักคนชรา ให้คนแก่ๆ ใน จังหวัด สุพรรณบุรี ได้มีที่อยู่ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆก็พยายามสร้างส้วม ให้กับ ร.ร. แถวๆ บ้าน

2007-12-06 02:23:58 · answer #4 · answered by Anonymous · 0 0

เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจมากนะคะ
สำหรับตัวเอง เรื่องที่ทำก็ไม่ใหญ่โต แต่ถ้ามีโอกาสก็จะทำทุกอย่างที่พอจะทำได้ เช่น พยายามแยกขยะ แล้วให้รถขยะ พนักงานจะไม่ต้องคัดแยกอีก หรือ ถ้าซื้อของใครที่เค้าดูจะขัดข้องก็ให้เค้าซื้อก่อน ตัวเองรอได้ไม่หงุดหงิด แถมยังได้รับรอยยิ้มและคำขอบคุณปลื้มไปหลายวันเลยค่ะ ใช้ชีวิตแบบไม่แก่งแย่งแล้วเสียสละอย่างมีเหตุผล ก็ทำให้ชีวิตมีความสุขรื่นรมย์ดีนะคะ

2007-12-06 02:10:53 · answer #5 · answered by Anonymous · 0 0