บางคนเกิดมาพร้อมทุกอย่างแต่อ่อนแอยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา
บางคนเกิดมาขาดทุกอย่างแต่มุ่งมั่นทำฝันให้เป็นจริง
บางคนรู้ว่าเกิดมาชาตินี้ทำดีไม่ได้ดีแต่ขอสู้หัวชนฝายังไงๆต้องทำแต่ความดี
บางคนพ่ายแพ้ตั้งแต่เกิดแต่ไม่เคยท้อถอยที่จะดำรงชีวิตให้อยู่รอด
ทุกชีวิตล้วน สุข ทุกข์ เศร้า หัวเราะ ร้องไห้ ผิดหวัง สมหวัง ฯลฯ
ทำไมต้องเกิดมาเป็น " คน '' ด้วยล่ะ??
2007-09-28 17:38:06 · 14 คำตอบ · ถามโดย อาเหนียว หนึบหนับ( อารารั่วโตเเล้ว) 6 ใน สังคมศาสตร์ ➔ มานุษยวิทยา
เป็นคำถามที่สามารถหาคำอธิบายได้มากมาย และอ้างอิงได้หลากหลาย
แต่สุดท้ายแล้วความคิดและจิตสำนึกคนเรานั้นมักมีอย่างน้อยสองด้านคือ ด้านที่เป็นเชิงบวก และด้านที่เป็นเชิงลบ
ผมว่าไม่สำคัญหรอกว่าเราเกิดเป็นคนทำไม แต่สำคัญที่เมื่อเกิดมาเป็น "คน" แล้ว เราควรจะเป็นคนอย่างไร และการที่เราจะเลือกเป็นคนอย่างไรนั้น จะต้องอาศัย "แรงบันดาลใจ และ ความเชื่อมั่นในแรงบันดาลใจนั้นครับ"
2007-09-30 00:55:48 · answer #1 · answered by Anonymous · 1⤊ 0⤋
กรรมงัยค่ะ..เป็นตัวบ่งชี้ให้เราเกิดมาเพื่อใช้กรรมมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ทำมาค่ะ...ในเมื่อเราเกิดมาแล้วแถมยังได้เป็นมนุษย์อีกก็ดีที่สุดแล้วค่ะถ้าครบ32ก็สุดยอดแล้วค่ะ..
2007-10-02 22:10:23 · answer #2 · answered by ส้มซ่าส์ 1 · 1⤊ 0⤋
เป็นเพราะ คุณพ่อ-คุณแม่ของเราเป็นคน เราจึงเกิดมาเป็นคน
ถ้าคุณพ่อ-คุณแม่เรา เป็นผีเสื้อ เราก็ต้องเกิดมาเป็นผีเสื้อ จริงหรือเปล่าครับ
อีกอย่าง ผมว่า ไม่ว่าจะ คน สรรพสัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ต่างก็ต้องเจอวิบากกรรมต่างๆ ไม่ต่างจาก "คน"
ตัวอย่างเช่น "คน" ฆ่าสัตว์เพื่อเอามาทำ "อาหาร" แต่ "ยุง" กินเลือดคนเป็น "อาหาร" แต่กลับโดน "คน" ฆ่า ......
เมื่อก่อนคำว่า "คน" ในภาษาไทย ใช้ "ฅ.ฅน"
แต่ปัจจุบัน "ค.ควาย"
คงแสดงเป็นนัยๆ ว่าอะไร-ทำไม... คิดเอาเองนะครับ...(ไม่กล้าบอกไป เดี๋ยวโดน"ประชาฑัณ")
ไม่ได้คิดอยากจะกวนนะครับ แต่ผมเองก็ยังสงสัยอยู่ว่า ทำไม!?..
2007-09-30 21:56:35 · answer #3 · answered by thaimanstanding 2 · 1⤊ 0⤋
....เกิดเป็นคนก็ดีแล้วค่ะ หากให้ไปเกิดเป็นอย่างอื่นคงไม่เอา นอกจากจะให้เป็นน้องหมาไฮโซที่ลงในหนังสือทั้งหลาย เพราะสบายดี แค่เสื้อตัวเล็กๆตัวเดียวเหยียบ 2 หมื่น โอ้โห...ทำใจไม่ได้
2007-09-29 11:33:49 · answer #4 · answered by Hideko 6 · 1⤊ 0⤋
เพราะเมื่อชาติที่แล้ว เราได้ประพฤติตัวอยู่ใน "ศีล 5" ครับ
คนต่างจากสัตว์ที่ศีลห้าข้อ ในทางพุทธศาสนาบอกไว้อย่างนั้นครับ จัดเป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งของผู้ที่จะเกิดมาเป็นคนครับ สัตว์เดรัจฉานไม่มี
ฉะนั้นถ้าอยากเกิดเป็นมนุษย์ทุกชาติไปก็หมั่นรักษษศีลอย่าได้ขาด
ส่วนคนเราเกิดมาแตกต่างนั้นเพราะผลบุญ-กรรมที่เราได้ทำไว้แต่ชาติปางก่อนนั้นแตกต่างกันครับ
2007-09-29 06:18:11 · answer #5 · answered by Devilmaycry 4 · 1⤊ 0⤋
welcome you to happy home, ma'am.
นาน ๆ มาถามที แล้วถามอย่างนี้เหรอ
แล้วถ้าไม่ได้เกิดมาเป็น"คน"แล้วจะบ่นว่าไงเหรอ
เหมียวเมี้ยว เมี้ยวเหมียวเหมียวเมี้ยว เหมียวเมี้ยว เมี้ยวเหมียว เมี้ยวเหมียวเหมียวเมี้ยว เมี้ยวเหมียว เหง่า
พี่เข้าใจมะ ที่ผมพูดเนี่ย แปลว่าอยากเกิดเป็นคน อยากเกิดเป็นคน อยากเกิดเป็นคน จ้า
2007-09-29 06:06:12 · answer #6 · answered by Kanes 6 · 1⤊ 0⤋
เกิดมาเพื่อเรียนรุ้ความหมายของคำว่าคน เราเลือกเป็นคนที่ดีได้ เป็นคนไม่ดีได้อยู่ที่เรา ชีวิตเกิดมาไม่เหมือนกันบางคนเกิดมารวยล้นฟ้า บางคนเกิดมาจนแสนจน แต่เราช่วงเวลาที่พอๆกัน ยืนติดดินเหมือนกัน มีแขนมีขามีสมอง เมื่อเลือกเกิดไม่ได้ก้เลือกเป้นได้ ไม่เก่งก้ขยันเดี๋ยวก้เก่ง บางคนประสพความสำเร็จได้ทั้งๆที่มาจากไหนไม่รุ้ จนแสนจนก้รวยได้ บางคนรวยแต่พอนานๆไปกลับมาจนได้ก้มี ชีวิตไม่แน่นอน ใครจะรุ้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น อยุ่ที่เรากำหนดเราวางแผน พรุ่งนี้จะทำอะไร ถ้ามีความมุ่งมั่นก้จะสำเร็จไปเอง
2007-09-29 05:44:21 · answer #7 · answered by NooaoM 4 · 1⤊ 0⤋
เมื่อเกิดมาแล้วต้องยอมรับ และทำสิ่งที่ดีๆ ให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นคน เป็นคนทำอะไรได้เยอะแยะ ไม่มีสิ่งใดน่าเสียใจแต่เกิดมาแล้วสร้างแต่สิ่งไม่ดี ทำร้ายคนอื่น ทำลายธรรมชาติ ใช้ชีวิตแบบเบียดเบียน นี่สิ ควรบอกตนเองว่าเกิดมาเป็นคนทำไม
2007-09-29 05:09:45 · answer #8 · answered by Anonymous · 1⤊ 0⤋
การเกิดมาเป็นคนนั้นง่ายมาก แต่จะอยู่อย่างไรให้เป็นมนุษย์ ซึ่งสูงขึ้นไปอีกต่างหากที่ยากกว่า
คำๆนี้ ผมได้ยินเมื่อผมเข้าร่วมกิจกรรมคลีนิกเทคโนโลยี พูดโดยผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ที่เป็นประธานเปิดงาน คำๆนี้จึงฝังใจผม
มาตลอด ผมก็พยายามหาความหมายและค้นคว้าว่ามันคืออะไร แล้วเขาพูดเพื่อต้องการอะไร มันก็มีความหมายกว้างมาก อันที่จริงก็แปลได้ตรงตัว
อยู่แล้วก็คือมนุษย์ที่สมบูรณ์ สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ และมโนสำนึก มีคนเขาบอกว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐต่างกับสัตว์เดรัฐฉาน นั่นแปลได้ว่า
มีอะไรหลายๆอย่างที่สัตว์อื่นไม่มี นั่นคือมันสมองและมโนจิตทั้งหลาย อาจจะด้วยที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้นนอกจากการสื่อสารแล้วต้องมีอะไร
มากกว่านั้น แน่นอน ดังนั้นการสร้างและหล่อหลอมให้คนหรือเด็ก เยาวชนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเขาเหล่านี้ต้องเติบโต
แล้วก็ต้องรับผิดชอบต่อสังคม ยิ่งรับผิดชอบต่อสังคมมากเท่าไหร่ก็จะเป็นการเพิ่มความสมบูรณ์ของการเป็นมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น มาถึงตอนที่ว่าสังคม
ที่ว่ากว้างจะเอากว้างสักเพียงใดดี แล้วผมเอามาเขียนทำไม แล้วเขียนปนเล่าสไตล์ก็แบบบ้านนอกอีก ผมกำลังคิดว่าการได้นำเสี้ยวความคิดหนึ่ง
มาผสมปนเปกัน สะท้อนบางภาพให้เห็น อาจจะอ้อมไกลมากไปหน่อยหรือซนตอเลยก็ให้ถือว่าเป็นแค่ความคิดหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นคำว่ามนุษย์
ที่สมบูรณ์ในความคิดส่วนตัวผม เป็นได้ไม่ยากเลย ใครเป็นก็ได้ แล้วเป็นเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าความเป็นมนุษย์ของเราไม่ได้ให้โทษกับใคร อีกซ้ำยัง
เป็นประโยชน์ทรงคุณค่ากับสังคมวงกว้าง ทั้งหมดที่เขียนปนเล่ามามันก็ยังอ้อมไกลมากมายอยู่ดี ตัดมาเพื่อให้แคบลงอีกนิดอาจจะเห็นทั้งสองมุม
ในมุมที่เห็นด้วยแล้วก็มุมที่ขัดแย้ง ยกตัวอย่างง่ายนิดด้วย เอาเป็นเรื่องการทำงานก็แล้วกัน ทุกวันนี้เราก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ เมื่อมีหน้าที่อาจจะ
เพราะอะไรก็ช่างมัน ตำแหน่งที่สมมุตินั้นย่อมมีหน้าที่หนึ่งในสังคมนั้น อาจจะด้วยเหตุผลนานาประการ อาจจะเพราะการเคยชินกับการปฏิบัติ
มาหลายรุ่นแล้ว ก็ช่าง การขีดกรอบจำกัดวงของหน้าที่ทำอย่างนี้นะ การให้นั่งโต๊ะทำงาน มันจึงเป็นการขีดวงจำกัดของหน้าที่เพื่อให้ชัดเจน
มากขึ้นเท่านั้น แต่ในทางกลับกันก็เป็นการขีดวงจำกัดมโนสำนึก ขีดจำกัดสมอง ขีดวงสังคมให้เล็กลงไปอย่างช่วยไม่ได้ ผมเห็นสังคมมันเล็กกว่า
ความเป็นจริง ผมขออธิบายความอีกเพื่อให้ภาพที่ผมเขียนมันชัดขึ้น สมมุติว่าสำนักงานหนึ่งมีคนอยู่ 100 คน แบ่งเป็น 3 ฝ่าย แต่ละฝ่ายก็แบ่ง
เป็นงานอีก แต่ละงานก็ซอยเป็นด้านของงานอีก มีโต๊ะนั่ง ของแต่ละคน ท่านพอจะเห็นภาพบ้างแล้ว อันที่จริงถ้าไม่นับสังคมนอกสำนักงานนั้น
ก็แปลความได้ว่าสังคมของสำนักงานนี้มี 100 คน แต่เมื่อถูกซอยตามภารกิจเพื่อความชัดเจนในหน้าที่ ดังนั้นคนบางคนจึงมีสังคมเล็กมาก
เพียง 1 - 2 คน แต่บางคนอาจมีสังคมมากขึ้นอาจมี 5-10 คน เมื่อเป็นอย่างนี้ สังคมนี้จึงไม่สมบูรณ์ ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในสังคม 100 คน
จึงไม่เต็ม ก๊ก เหล่า มันจึงเกิดขึ้นมากมาย ศัตรูจึงไม่ใช่เป้าประสงค์ขององค์กร แต่กลับกลายมาเป็นก๊กนั้น เหล่านี้ เราพอนึกภาพชัดขึ้นมาเรื่อยๆ
แล้วผมเอามาพูดทำไม ไม่สร้างสรรค์เลย ผมคิดว่า ณ เวลานี้ เราคงได้ยินคำๆหนึ่งว่า คิดนอกกรอบ บ่อยๆ อันนี้ไปกันใหญ่เลยครับ เป็นการมอง
สังคมที่ใหญ่มากกว่าองค์กร เอาหละซิครับยุ่งกันใหญ่ หลายคนก็คงมีคำถามในใจว่ามองในกรอบยังไม่หมดเลย ผมคิดว่าอะไรก็ตามที่ฝืนประเพณี
เดิม การบังคับให้ออกนอกกรอบ มันจึงยากเอามากๆ มักจะได้คำตอบแรงๆมาเสมอว่าแล้วหน้าที่คุณเสร็จหรือยัง ผมมักตอบเสมอว่ายัง แต่ของท่าน
ทั้งหลายเสร็จเป็นร้อยๆอย่าง เพราะผมมัวแต่ไปคิดในสังคมคน 100 คน ของคุณเสร็จเป็นร้อยอย่างแต่คิดวงสังคม 10 คน มันไม่มีความหมายอะไร
เลยด้วยซ้ำไปเมื่อเทียบกับสังคม 100 คน มาถึงตอนนี้ แน่นอนความขัดแย้งในใจของหลายท่านเกิด ของฉันดีกว่าซิ ก็ยังเสร็จบ้าง ของคุณนั่นแหละ
ไม่ดีไม่เสร็จสักอย่าง ผมไม่ได้หมายความว่าหน้าที่เสร็จหรือไม่ แต่เป้าที่ผมพยายามจะเบียดเข้ามาคือความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ตามที่เกริ่นนำมา
ข้างต้น ถ้าความหมายมันขยายมากขึ้นในสังคมของทั้งประเทศ และทั่วโลก ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์มันจะเหลือสักเท่าไหร่ ทั้งหมดที่เล่ามา
ไม่ว่าการคิดนอกกรอบ การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มันก็ยังขัดแย้งกับการมุ่งผลสัมฤทธิ์ที่เราพยายามไปถึง การพยายามกั้นโต๊ะกั้นเก้าอี้ การปิดกั้น
ข้อมูล การไม่สนใจต่อเพื่อนร่วมงาน การที่ก้มหน้าก้มตาทำตามหน้าที่โดยแยกส่วน แยกฝ่าย ทั้งๆที่เป็นหน่วยงานเดียวกัน มันเป็นภาพที่ขัดแย้ง
ในใจมาตลอด สังคมในความเป็นจริงมันมีมากกว่าสังคมของหน่วยงานเดียว สังคมที่จริงมีหลายคน หลายสังกัด อยู่ปนกัน การคิดนอกกรอบ
ตามความคิดของผม แท้จริงเป็นเพียงการขยายมโนสำนึกของคนให้กว้างขึ้นกว่าเดิม เมื่อมโนสำนึกมันกว้างขึ้น สังคมก็กว้างขึ้น การรับผิดชอบ
ต่อสังคมที่กว้างขึ้นมันจึงไปเสริมสร้างความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์นั่นเอง จะกั้นกี่โต๊ะ กี่ห้อง ก็ตาม อย่าปิดตัวเองด้วยการกั้นความเป็นมนุษย์
ของตัวเองก็แล้วกัน แล้วทั้งหมดที่ผมเขียนและเล่ามา ผมชอบใจในประโยคของโฆษณาอันหนึ่งที่ว่า...กำลังมองหาคนรับผิดชอบ...
ก็ขอจบแบบนี้ก็แล้วกันครับ
2007-09-29 01:55:07 · answer #9 · answered by esara 2 · 1⤊ 0⤋
การเกิดเป็นคน เกิดมาเพื่อใช้กรรม
จะเกิดเหตุการณื ดี หรือ ร้าย ก็ขึ้นกับ กรรม ที่เคยทำมา
ส่วนจะ สู้ หรือ ยอมแพ้ เกิดจากการอบรมสั่งสอนของพ่อ แม่ด้วย
เกิดมาแล้ว ทำดีเยอะๆๆนะคะ จะได้มีคนรักมากๆๆ
2007-09-29 01:44:00 · answer #10 · answered by jasmin 3 · 1⤊ 0⤋