English Deutsch Français Italiano Español Português 繁體中文 Bahasa Indonesia Tiếng Việt ภาษาไทย
หมวดหมู่ทั้งหมด

อืมมม เป็นประเด็นที่อยากรู้เหมือนกันนะ ขอแชร์ความเห็นหน่อย
มีเพื่อนคนนึงที่ทำงาน ชอบนินทามากๆ
บางทีเราก็โดนนินทาบ่อยๆ (ก็ได้ยินอะนะ แต่ก็ไม่คิดอะไร เฉยๆ รู้สึกเหมือนมีคนกำลังอิจฉา 555)
ประมาณว่าเค้าคงคุยเก่งหรือมนุษยสัมพันธ์ดีหรืออะไรก็ไม่รู้ละนะ
คุยกับคนอื่นทีไรเป็นต้องหาเรื่องมานินทาทุกที
(เอ... แล้วนี่เรากำลังนินทาอยู่รึเปล่านะ ฮะๆ)
จริงๆ ลึกๆแล้วแม้เราจะพอเข้าใจเค้า แต่เราก็คงแอบหงุดหงิดบ้างนานๆทีแหละ
เพราะถ้าเราเข้าใจจริง กระทู้นี้ต้องไม่เกิด
แต่ก็ทำไงได้ ไม่ใช่พระอรหันต์นี่นะ ^ ^'' แล้วก็ยังไม่เก่งมากขนาดจะขจัดทุกอารมณ์และความคิดได้

แล้วเพื่อนๆมีคนชอบนินทาอยู่ที่ทำงานมั่งไหม?

เล่าประสบการณ์และ หากคุณเคยแก้เผ็ดเค้าก็มาแชร์กันได้นะ ฮะๆ
ไม่ได้จะเอาไปแก้เผ็ดหรอก แล้วไม่แนะนำคนอื่นด้วยน้า แค่อ่านกันขำๆ
ใครระงับอารมณ์แล้วมองความจริงได้ ก็อยากให้ทำมากกว่าน้อ
มันจะดีกับตัวเองในระยะยาวมากกว่า ^ ^

2007-09-10 15:51:14 · 13 คำตอบ · ถามโดย Eizmo 2 ใน สังคมศาสตร์ จิตวิทยา

ได้อ่านทุกคำตอบหมดแล้ว รู้สึกหลากหลายดีจัง
เพื่อนที่ทำงานเราก็เป็นแบบอยากรู้อยากเห็นนั่นแหละ แค่บางทีเราก็ไม่ค่อยชอบที่พอเค้ารู้แล้วชอบทัมถม หรือ กระแหนะกระแหน หรือไม่ก็ขอให้ได้จิกได้กัดนิดหน่อยเถอะ อะไรทำนองนั้น ซึ่งอันนั้นเราก็พอเข้าใจว่าเป็นธรรมชาติของเค้า เราไม่ถือ ถึงจะฟังแล้วเฉยๆ แต่ลึกๆแล้วเราก็ไม่ชอบเท่าไหร่เวลาเค้าพาดพิงถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับเราน่ะ ^ ^' มันเหมือนเค้ารู้ไม่จริงแล้วก็สักแต่พูดถึงผู้อื่นในทางเสื่อมเสีย แค่ตัวเราน่ะไม่เป็นไรหรอก เราไม่ถืออยู่แล้ว

ปล. - ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ ความเห็น คำแนะนำ และวิธีปรับตัว+แก้ไขจากทุกท่านด้วยนะคะ ^ ^

2007-09-10 19:19:10 · update #1

13 คำตอบ

เป็นคำถามที่น่าคิดน๊ะ ว่าทำไมคนเราถึงชอบนินทาคนอื่น ทั้งๆ ที่คนที่ถูกนินทาก็ไม่ได้ทำอะไรให้สักหน่อย
อย่าถือว่าซีเรียสน๊ะ เพราะบางทีเราคุยกันมีความเห็นหลายๆ อย่างก็ทำให้เรารู้สึกและเข้าใจคนประเภทนี้ว่าเป็นอย่างไร แต่น่าแปลกน๊ะ ตั้งแต่ทำงานมา 25 ปี ก็โดนตลอดเลย ไม่ว่าจะเห็นหรือไม่เห็น สมัยเข้างานใหม่ๆ ปี 2525 จบใหม่เข้าทำงานวันแรกก็โดนมองศรีษะจรดเท้ารู้มั้ยว่าคนที่ถูกมองคิดอย่างไร เรากำลังคิดว่า เอ เรามีอะไรผิดปกติหรือเปล่าว๊ะ.. นั่งรถมาทำงานก็โดนคำพูด******ให้ได้ยินอีก ดูแต่งตัวซิทำเป็นเซ็กซี่อยากให้หนุ่มๆ มอง แหมเราก็พยามนิ่งๆ เพราะยิ่งมองก็ยิ่งดีซิเพราะเราคงมีที่น่ามอง ตอนมาทำประชาสัมพันธ์เราเป็นโรคกระเพาะเข้าโรงพยาบาลก็หาว่าเราไปทำแท้ง จนเจ้านายที่เป็นชาวต่างชาติไปเยี่ยมแล้วเล่าให้เราฟังเราขำจะตาย พอกลับมาทำงาน พอได้ยินเสียงเราประกาศทางไมโครโฟรนเกี่ยวกับข่าวสารให้ผู้ปฏิบัติงานฟังก็วิจารณ์อีก หาว่ามีหนุ่มๆ มารับเราไปวันละคน แหมกลับไปบ้านเล่าให้พ่อกับแม่ฟังว่างานไม่เหนื่อยหรอกแต่เหนื่อยกับพวกปากเสีย ไม่ใช่แค่นั้น พอแต่งงานก็เป็นข่าวหน้าหนึ่งอีกหาว่าเรากับสามีคงจะอย่ากันเร็วๆ นี้ เชื่อมั้ยว่าแต่ละอย่างไม่เคยมีดีๆ ให้เราได้ยินเลย และที่สำคัญที่สุด ส่วนใหญ่เราจะรู้จักกับผู้ใหญ่มาก และก็ส่วนใหญ่ก็เป็นพี่ๆ กันทั้งนั้น พอนั่งรถกับคนนี้ก็ว่า ..เดาเอาเอง แต่งตัวบางทีเชื่อมั้ยว่าชุดนึงไม่ถึง 300 เพราะสมัยนี้เสื้อผ้ามันถูกอยู่ที่เรารู้จักซื้อและแต่ง ถ้าผิวขาวก็แต่งง่ายไม่ต้องแต่งอะไรมาก ขอให้ผมดูดีก็กินไป 80 % แล้ว เพียงแต่อาจเป็นตัวของตัวเองจนทำให้เค้าหมั่นไส้น่ะ แต่ก็ชินชาแล้วล่ะ แต่แปลกน๊ะคนประเภทนี้ถ้าถูกคนอื่นว่ามั่งจะรู้สึกอย่างไรน๊ะ

2007-09-10 17:26:36 · answer #1 · answered by smilebizdollars 3 · 1 0

ตราบใดที่เรายังมีความอยากรู้อยากเห็น มันก็ยังมีการนินทาเกิดขึ้น หวังเพียงแต่ว่าคนที่นินทานั้นควรจะรู้ขอบเขตบ้างว่าการนินทานั้นทำให้คนอื่นเสียหายหรือไม่

ทั้งนี้ทั้งนั้น การนินทาเป็นเรื่องปกติ ไม่เคยมีใครไม่ถูกนินทา ขนาดองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ประเสริฐเลิศเพียงไหนก็ยังไม่พ้นคำติฉินนินทา เราจึงควรทำใจให้ได้ อย่างที่คุณ Eizmo บอกว่าถ้าทำใจได้ก็คงไม่เดือดร้อน

ผมเคยอ่านคำสอนของพระที่นับถือ นั่นคือเจ้าคุณนรรัตน์ ท่านกล่าวถึงวิธีการรับมือกับการนินทาเอาไว้ดีมากๆ ขอเอามาแชร์ไว้ตรงนี้นะครับ

"คนเราเมื่อมีลาภ ก็มีเสื่อมลาภ เมื่อมียศ ก็มีเสื่อมยศ เมื่อมีศุขก็มีทุกข์ เมื่อมีสรรเสริญ ก็มีนินทา เปนของคู่กันมาเช่นนี้ จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์ ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดา ยังมีมารผจญ ยังมีคนนินทาติเตียน ปุถุชนอย่างเราจะรอดพ้นจากโลกะธรรมดังกล่าวแล้วไม่ได้ ต้องคิดเสียว่าเขาจะติก็ช่าง ชมก็ช่าง เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ ก่อนที่เราจะทำอะไรเราคิดแล้วว่า ไม่เดือดร้อนแก่ตัวเราแลคนอื่น เราจึงทำ เขาจะนินทาว่าใส่ร้ายอย่างไรก็ช่างเขา บุญเราทำกรรมเราไม่สร้าง พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ จะต้องไปกังวนกลัวใครติเตียนทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่าๆ"

2007-09-10 23:16:08 · answer #2 · answered by Jakrapong 5 · 2 0

มันเป็นธรรมชาติค่ะ การนินทามันคู่กับมนุษย์อยู่แล้ว ก็ลองมองดูนะค่ะ เรายังนินทาคนอื่นเลยแล้วเราจะเหลือหรอที่ไม่โดนนินทา
ทางที่ดีอย่าสนใจทำในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้องดีกว่า อย่าให้ลมปากคนอื่นมาตัดสินคุณนะคะ

2007-09-13 06:35:45 · answer #3 · answered by PeG 3 · 1 0

เราก็โดนนินทาบ่อยๆ แต่เราก็ทำใจ และคิดว่าถ้าเราไม่ดีกว่าเขา ก็คงไม่พูดถึงหรอก

ถ้าให้บอกตรงๆ ก็คือคนๆนั้นที่นินทาเราอิจฉาเรานั่นแหละ แต่ไม่รู้ทำยังไง ก็เลยหาข้อไม่ดีของเราและพยายามพูดเพื่อลบข้อดีของเราออกไปเสีย

เราก็เฉยซะ จำไว้ว่าต่อให้คนที่เราว่าดี อย่างพระพุทธเจ้ายังถูกนินทาและแม้แต่พระพุทธรูปซึ่งเป็นปูนปั้น ถ้าคนเราจะพูดก็พูดได้น่ะแหละ เฮ้อไม่มีอะไรหรอกคนมันชอบพูดไม่ห้ามไม่ได้ แต่ในอีกแง่ก็คือ เราต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่เขาทำให้เรารู้ตัวด้วยว่าเรามีข้อเสียอะไร เราจะได้นำไปปรับปรุงในอนาคต เห็นไหม? ในข้อเสียของเขา ทำให้เราได้ประโยชน์นะ ถ้าเรามองเขาในแง่ดีอีกทาง

2007-09-13 02:12:35 · answer #4 · answered by ยังคิด 1 · 1 0

ขอเล่าเป็นประสบการณ์ละกันนะ

ผมไม่ค่อยมีเรื่องผู้คนนินทาเลยครับ ไม่รู้ทำไมตั้งแต่เด็กจนโต อาจจะเป็นเพราะเป็นคนเงียบๆ แต่เปิดเผย ตรง และจริงใจกับทุกอย่าง (ซื่อๆ โกหกใครไม่เป็น) เลยไม่มีอะไรให้พูดกันมาก อยากมี drama อย่างนี้บ้างครับ!!! (รู้สึกชีวิตน่าเบื่อ อยากมีสีสันให้ชีวิตกังวลเหมือนคนอื่น 555+)

และอีกอย่างเป็นคนที่ไม่ค่อยระแวงคนอื่นเท่าไร อาจเป็นเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นคนดีและทำดีที่สุด เลยไม่รู้ว่าเขาจะนินทาอะไรแง่ลบ ถ้ามีก็แค่ด้านบวก ด้านนั้นจะนินทามากเท่าไรก็ไม่ว่ากัน (แต่ไม่ค่อยอยากรู้นะ อาย-เมื่อมีคนชม 555 พูดจริงๆ!) แต่ที่พลาดก็มีนะ พอพลาดเราก็จะพูดขอโทษเลย เขาอาจจะนินทาไม่ทัน 555+

:)

2007-09-12 21:21:24 · answer #5 · answered by Klyth 3 · 1 0

เคยอ่านเจอในหนังสือถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น รีดเดอรส์ไดเจสท์ บอกว่าการนินทา เป็นกลไลอย่างหนึ่งของสังคม เป็นโครงสร้างของวัฒนธรรม ให้คนที่ร่วมวงนินทานั้นรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ยอมรับในกลุ่ม ใครก็ตามที่ประพฤติผิดไปจากการยอมรับของสังคมนั้น ๆ ก็จะถูกนินทา ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมนั้นๆ จึงทำให้คนพยายามทำตัวให้เป็นที่ยอมรับไปในแนวเดียวกันจนเกิดวัฒนธรรมของชนกลุ่มนั้น เมื่อมีใครบางคนทำตัวแตกต่างออกไป จนทำให้กลุ่มรู้สึกไม่มั่นคงต่อความคิดและแนวทางที่ยึดถือกันมา ก็จะประนามและนินทาเพื่อรักษาแนวทางที่ชุมชนนั้นปฏิบัติกันมา จนกลายเป็นวัฒนธรรมของแต่ละชนชาติซึ่งแตกต่างกันไป
แต่คนชอบนินทานั้นเคยอ่านหนังสือเจออีกเหมือนกัน ว่า มักจะเกิดขึ้นกับคนที่มีปมด้อย ขาดความมั่นคงทางอารมณ์ การนินทานั้นช่วยทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้นและเป็นที่ยอมรับ

2007-09-12 04:51:05 · answer #6 · answered by e-nai 6 · 1 0

การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ... ทำใจเถอะค่ะมันอยู่กับสังคมไทยและสังคมไหนๆ มานานแล้ว ยิ่งแก้เผ็ดไปก็มีแต่หมาดหมางกันไปเปล่าๆ ก็คงต้องทำใจค่ะ ยิ่งที่ office นะตัวดีเลย อย่างกะว่าชีวิตพวกเค้าดีมากเลยยังงั้นแหล่ะ เลยชอบเอาชีวิตของคนอื่นมาวิเคราะห์เล่นกันให้สนุกปาก สมัยที่ดิฉันยังทำงานอยู่ที่ office แห่งหนึ่ง ก็โดนเป็นประจำเหมือนกันค่ะ แต่ดิฉันไม่สนใจ เพราะส่วนใหญ่จะไม่ได้ยินต่อหน้า แต่ถ้าวันใดได้ยินต่อหน้า ก็มีสวน.... หน้าหันกลับไม่ทันไปเหมือนกัน คนพวกนี้น่ารำคาญจริงๆ

2007-09-11 12:16:45 · answer #7 · answered by annie 6 · 1 0

มีคำบอกว่าการมองถึงเรื่องไม่ดีของผู้อื่น หรือการ พูดถึงผู้อื่นในเรื่องที่ไม่ดี ง่ายกว่ามองเห็นสิ่งนั้น ๆ ในตัวของตัวเอง

เข้าใจว่าคนที่ชอบนินทา สำหรับพวกเค้าที่เป็นวิธีเดียวที่จะได้รับการยอมรับจากผู้อื่น เพราะพื้นฐานมนุษย์ทุกคนอยากรู้อยากเห็น คนที่ชอบนินทาจะใช้วิธีนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น ทำให้ตัวเองมีความสำคัญขึ้นมา และรู้สึกดีขึ้น

ส่วนตัวโดนมาหลายรูปแบบค่ะ โกรธมาก็มาก โมโหมาก็บ่อย แต่ก็นั่นแหละนะ เราอยู่ในสังคมกับคนหลาย ๆ แบบ จึงต้องแก้ที่ตัวเอง ไม่นำตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนชอบนินทา ถ้าได้ยินขึ้นมาก็จะปล่อยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เอาเวลาไปฟังเพลงดีกว่า ไม่แน่ว่าถ้าเราไม่ให้ความสนใจ ไม่มีคนฟัง ก็อาจจะไม่มีคนพูดก็ได้ค่ะ

"อันนินทา กาเล เหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดไปกรีดหิน
แม้แต่องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดิน ไหนจะสิ้น คนนินทา"

2007-09-11 10:24:28 · answer #8 · answered by Chotima 3 · 1 0

พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ในโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่ได้รับการนินทาและสรรเสริญ แม้แต่พระองค์เองก้อมีทั้งคนนินทาและสรรเสริญ

อยู่ที่มากหรือน้อย น่าเกลียดเกินไปรึป่าว

2007-09-11 01:42:48 · answer #9 · answered by Anonymous · 1 0

บางทีมันก็เป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นค่ะ พอได้รู้สบายใจแล้วก็จบ
แต่กับบางคน อยากรู้เพื่อที่จะได้ทับถมคนอื่น
คนประเภทนี้จะเป็นพวกที่มีปัญหาอยู่ในใจ เห็นคนอื่นล้มแล้วรู้สึกว่าสมน้ำหน้า อยากได้ดีกว่าฉันทำไม

2007-09-11 00:16:48 · answer #10 · answered by veatal 3 · 1 0

fedest.com, questions and answers