ตอนนี้ผมทำงานอยู่ต่างประเทศ ส่วนแม่เจ้าประคุณทูนหัวทำงานอยู่เมืองไทย คิดกันอยู่ว่าอยากจะแต่งงานเพราะอายุก็เลยเลขสามเข้ามาแล้ว ติดอยู่ที่ว่าแต่งงานแล้วมันก็จะกลายเป็นว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะทำงานคนละประเทศ จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีคนใดคนหนึ่งเสียสละเพื่อครอบครัวย้ายตามกันไป ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง
ผมเองไม่อยากกลับไปเมืองไทยตอนนี้เพราะพอใจทั้งลักษณะงานและรายได้ที่ต่างประเทศ ในขณะที่แฟนผมทำงานธรรมดาๆ แต่เธอพอใจในงานของเธอ และไม่อยากห่างไกลพ่อแม่ ต่างคนต่างไม่ยอมกัน พอเอาเหตุผลเรื่องรายได้ไปยัน ก็โดนงอนอีก
ผมควรจะทำอย่างไรดี?
2007-09-01
16:56:40
·
9 คำตอบ
·
ถามโดย
Jakrapong
5
ใน
ครอบครัวและความสัมพันธ์
➔ อื่นๆ เกี่ยวกับงานหมั้นและงานแต่งงาน
ตอนนี้ผมทำงานอยู่ต่างประเทศ ส่วนแม่เจ้าประคุณทูนหัวทำงานอยู่เมืองไทย คิดกันอยู่ว่าอยากจะแต่งงานเพราะอายุก็เลยเลขสามเข้ามาแล้ว ติดอยู่ที่ว่าแต่งงานแล้วมันก็จะกลายเป็นว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะทำงานคนละประเทศ จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีคนใดคนหนึ่งเสียสละเพื่อครอบครัวย้ายตามกันไป ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง
ผมเองไม่อยากกลับไปเมืองไทยตอนนี้เพราะพอใจทั้งลักษณะงานและรายได้ที่ต่างประเทศ ในขณะที่แฟนผมทำงานธรรมดาๆ แต่เธอพอใจในงานของเธอ และไม่อยากห่างไกลพ่อแม่ ต่างคนต่างไม่ยอมกัน พอเอาเหตุผลเรื่องรายได้ไปยัน ก็โดนงอนอีก
ผมควรจะทำอย่างไรดี? (จะรอต่อไปก็กลัวเรื่องลูกอีก กลัวว่าเธอต้องรอนานเกินไปแล้วจะเกินวัยที่มีลูกได้)
2007-09-01
17:58:53 ·
update #1
อ่านจากหลายๆคำตอบ เค้าก็ตอบกันไปหมดแล้ว
จริงๆก็เข้าใจคุณเหมือนกัน เพราะเวลาเราทำงานสนุกๆที่ดีๆ เงินดีๆ
เราเองก็อยากทำต่อไป แล้วก็เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและคู่ชีวิตด้วย
เราไม่รู้นะว่าแฟนคุณเป็นคนนิสัยยังไง
แต่เราคนนึงที่แฟนเคยคุยๆกันว่าชวนให้แต่งงานแล้วไปอยู่นอกด้วยกัน
เราก็บอกว่า เราไม่อยากไป เท่าไหร่ (หมายถึงถ้าไปอยู่เลยนะ)
เพราะ 1. เราก็อยากดูแลพ่อแม่ 2. เราไม่อยากเกาะแฟนกิน
ผู้หญิงยิ่งสูงวัยและยิ่งทำงานแล้ว เค้าค่อนข้างคิดเรื่องนี้นะ (ง่า..แต่เรายังเอ๊าะๆอยู่นะ ฮะๆ)
จากที่เค้าเคยเลี้ยงดูตัวเองได้ ทำตัวไม่เป็นภาระใครๆมาตลอด
อยู่ดีๆเค้าต้องเปลี่ยนที่อยู่ที่ทำงาน ไปอยู่ที่แปลกใหม่
ที่ๆเค้าไม่มั่นใจเลยว่าเค้าจะทำได้ดีกว่าจุดที่เค้าทำอยู่นี้รึเปล่า
เค้าไปอยู่ที่นู่น เค้าเห็นคุณทำงานดีๆ มั่นคง
แต่พอย้อนกลับมามองดูตัวเองก็อาจจะเห็นว่าตัวเองไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ทำอะไรไม่ได้ดีเลย อะไรที่เธอเคยทำได้ดีที่เมืองไทย
ความมั่นใจในการทำงานของเธอ พอมาอยู่ที่นี่เธออาจไม่ได้ใช้มัน
หรือใช้แล้ว แต่กลับกลายเป็นแย่ในสถานที่ที่เธอไปอยู่
อยากให้คุณเข้าใจเธอด้วยซักนิด เพราะว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ และครั้งใหญ่ในชีวิตเธอ
ทุกคนกลัวการเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น เชื่อสิ ลึกๆทุกคนกลัว
ทุกคนกลัวเพราะว่าไม่มีใครรู้ว่าถ้าเปลี่ยนแปลงไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหรือไม่
ทางที่ดี แทนที่คุณจะมาบังคับให้เธอเลิกทำงานซะหลังจากแต่งงานแล้วย้ายมาอยู่กับคุณ
มันก็ค่อนข้างจะบังคับจิตใจเธอไปหรือเปล่า แต่ก็เข้าใจเรื่องที่คุณกังวลนะ
สิ่งสำคัญคือ คุณต้องให้ความมั่นใจกับเธอให้มากๆ ที่เธอยังไม่กล้าไปนี่
อาจเป็นเพราะเธอยังไม่มั่นใจในบางอย่างหรือเปล่า
ทำไมไม่เปลี่ยนมาเป็นอย่างนี้หล่ะ คุณสองคนคุยกัน
ว่า "ตอนนี้คุณไม่ต้องย้ายไปก็ได้ ถ้าคุณสบายใจที่จะทำงานที่นี่
แต่ว่าผมอยากใช้ชีวิตร่วมกับคุณ อยากมีคุณอยู่ข้างๆผมทุกวันที่ตื่นนอน
อยากกลับบ้านมาแล้วเจอคุณคอยบอกว่า 'ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ'
อยากทานอาหารฝีมือคุณ ที่สำคัญผมอยากให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
และเป็นครอบครัวที่สำคัญของผม
นี่ก็เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ของผมเหมือนกัน
ผมเองก็รู้สึกตื่นเต้น และรู้สึกกลัวการเปลี่ยนแปลงเหมือนกับคุณ
แต่ผมก็เลือกที่จะข้ามเส้นนั้น เพราะผมรู้ว่าการมีคุณอยู่ในชีวิต
มันมีความสุขและมันสำคัญสำหรับผมยิ่งกว่า
ผมรู้ว่าคุณรักงานของคุณ รักคุณพ่อคุณแม่
แต่ผมกำลังคิดถึงอนาคต ว่าถ้าเรามีลูกที่น่ารักๆด้วยกันซักคนสองคน
ผมไม่ห้ามคุณทำงานหรอก แต่ว่าผมอยากให้คุณไปอยู่ที่นู่นด้วยกัน
ผมจะได้ดูแลคุณและลูกของเราได้อย่างเต็มที่
ผมอยากเป็นทั้งสามีที่ดีและพ่อที่ดีสำหรับคุณและลูกนะ
ผมอยากให้คุณเก็บเรื่องนี้ไปคิดซักนิด ผมไม่เร่งรัดคุณ และจะรอคำตอบนะ
คุณจะทำงานที่นี่ไปก่อนซักพักก็ได้อาจจะ 2 หรือ 3 หรือ 4 ปี
แต่ผมก็ไม่อยากให้นานเกินไปนัก ผมอยากให้คุณอยู่ใกล้ๆผม
ผมอยากอยู่กับคุณนะ
และถ้าหากคุณกังวลเรื่องงาน ผมสัญญาและสาบานว่าจะทำให้คุณมีความสุข
คุณไม่จำเป็นต้องทำงานที่นั่นก็ได้ ผมจะดูแลคุณ คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้เลย
แค่ถามตัวเองว่า คุณพร้อมที่จะมีผมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคุณไหม
คุณพร้อมที่จะให้ผมดูแลเวลาทั้งหมดในชีวิตคุณต่อจากนี้ไหม
ถ้าคุณถามผม... ผมแน่ใจและผมตัดสินใจแล้ว ผมพร้อมสำหรับการที่จะมี 'เรา'ต่อจากนี้ไป
ผมรักคุณ "
♥
2007-09-02 20:08:42
·
answer #1
·
answered by Eizmo 2
·
2⤊
0⤋
มีเหตุผลด้วยกันทั้งสองฝ่าย
แต่ผมออกจะต้องเห็นแก่ตัวสักหน่อย ด้วยเหตุผล คือ
1. ผมคงต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวอยู่ดี และควรเป็นหลักของครอบครัวได้ ผมน่าจะเลือกได้นะ
2. ผมมีประสบการณ์จากการทำงานในต่างประเทศ ทั้งรายได้ดี มีความรู้ความชำนาญ และประสบการณ์ การกลับมาใช้ชีวิตและหางานทำในประเทศไทยคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ตอนนี้ต้องขอกำหนดทางเลือกก่อน
3. ไม่ใช่ใจร้าย หากคุณผู้หญิ่งมิใช่ลูกคนเดียว เรากลับมาเยี่ยมบ้านบ่อย ๆ ก็น่าจะได้นะ
4. โอกาสดีไม่ได้มีบ่อย ๆ จะปล่อยโอกาสนี้ไปได้อย่างไร
ต้อง war room ให้เข้าใจ คนรักกันไม่น่าจะมีปัญหานะ
2007-09-01 20:41:38
·
answer #2
·
answered by Kanes 6
·
2⤊
0⤋
ก็คงต้องคุยกันจริงๆจังๆสักทีค่ะ ทำไม่ไม่เข้าหาคุณแม่คุณพ่อฝ่ายหญิงเลยค่ะ บอกท่านว่าผมมีปัญหาอย่างนี้นะครับ เปิดอกคุยเลยค่ะ ว่าคุณอยากแต่งงานแล้วและมั่นใจว่าสามารถดูแลแฟนคุณได้โดยขอให้เธอลาออกค่ะ ไม่อยากห่างไกลกันค่ะ พูดไปตามครงเลยค่ะ เชื่อว่าผู้ใหญ่คงอยากให้คุณอยู่ด้วยกันมากกว่านะคะ ว่าแต่คุณเคยไปทาบทามท่านบ้างรึยังค่ะ มัวแต่กลุ้มใจ งอนไปมาไม่มีประโยชน์ค่ะ เอาแบบตรงประเด็นเลยนะคะ นัดเจอกัน 4 คนเลยค่ะ พาไปทานข้าวแล้วค่อยๆเปิดประเด็นอย่าให้แฟนคุณรู้ตัวก่อนนะ ขอให้โชคดีค่า สิงคโปร์ใกล้นิดเดียว เดือนนึงก็พาเธอกลับมาเยี่ยมท่านสัก2-3 หนก็ได้นี่คะ
ถ้าผู้ใหญ่ท่านไม่ยอมจริงๆ แต่ไม่น่านะคะ ก็แต่งงานไปก่อนเลย เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง อาจทำงานไปสัก 4-5 เดือน พอมีลูกปั๊บอะไรๆมันคงง่ายขึ้นนะคะ แฟนคุณคงเริ่มเห็นแก่เจ้าตัวเล็กแล้วล่ะ แต่ขอบอกว่าคุณสองคนต้องแน่ใจ 100%นะคะว่ารักกันมากๆชีวิตนี้ขาดกันไม่ได้แล้ว ค่อยใช้แผนนี้ค่ะ เป็นไงค่ะพอได้ไหม
จริงๆแล้วหากคุณรักกันก็ต้องยอมกันบ้างนะคะ ดิฉันว่าเรื่องของคุณเหมือนเส้นผมบังภูเขา ไม่ได้ยากที่จะแก้ไขเลย เพียงแต่ต้องให้ใครคนหนึ่งเสียสละค่ะ มีลูกคนนึงใช้เงินเป็นล้านๆนะคะกว่าจะโต วางแผนให้ดีๆค่ะ อย่ามองแค่ใกล้ๆค่ะ อาจทำงานไปสัก 10 ปีถ้าคุณเบื่อก็ค่อยย้ายกลับมาก็ได้นะ คงไม่คิดจะอยู่ไปตลอดหรอกกระมังค่ะ ค่อยๆคิดค่ะ มันไม่มีอะไรดีที่สุดหรอกนะ เอาที่มันwork ที่สุดดีกว่าค่ะ
รักคือความเข้าใจ ให้อภัย ยอมรับ และปรับตัวเข้าหากันค่ะ
2007-09-01 17:11:47
·
answer #3
·
answered by กระจกใส 7
·
2⤊
0⤋
ความจริงก็น่ากังวลไปต่างๆนานามากเลยค่ะที่คนรักกันต้องมาห่างไกลกันซะขนาดนี้ ความจริงแล้วเหนือสิ่งอื่นใด คือความไว้ใจ เชื่อใจกัน ในคำว่ารัก ถ้าเราเชื่อใจกัน และมั่นใจว่าเรากับแฟนรักกัน ก็ไม่ต้องไปกังวลอะไร เมื่อก่อนดิฉันกับแฟนก็ห่างไกลกันมากเหมือนคุณแหละ แฟนดิฉันเขาเป็นชาวญี่ปุ่น ต้องกลับไปทำงานหาเงิน ตอนแรกก็กลัวว่าเราจะต้องเลิกกัน หรือมีมือที่3 แตในที่สุดความรักก็ทำให้ฉันเชื่อใจและรอเขากลับมาอยู่ด้วยกันได้ ถึงแม้จะทะเลาะกันบ้างทั้งที่ห่างไกล แต่ทั้งเขาและฉันต่างมีความรักและความเชื่อใจแค่นี้อะไรก็ไม่สามารถมาทำลายความรู้สึกของเราหรอกค่ะ จนตอนนี้ฉันสามารถรอเขาและเราก็แต่งงานอยู่ด้วยกันได้แล้วค่ะ สำหรับคุณฉันอยากให้คุณไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ การรักษาความรักของคุณไว้กับคนที่คุณรัก ก็คือความรัก ความเชื่อใจ เชื่อมั่นว่าคุณจะสร้างครอบครัวที่ดีกับเธอให้ได้แค่นี้ก็พอค่ะ คุณควรบอกเธอว่าที่คุณต้องทำงานทุกวันนี้ก็เพื่อเรา ฉันเชื่อว่าเธอคงไม่ใจดำทำอะไรที่ไม่ดีต่อความสัมพันธ์ของคูณกับเธอหรอกค่ะ ถ้าคุณตั้งใจทำงานเก็บเงิน แล้วกลับมาที่ไทย ก็ถ้าแฟนไม่ยอมมาอยู่ด้วย เนืองเหตุผล เพราะงาน เพราะครอบครัวก็ดีแล้วค่ะ ไม่ต้องทะเลาะกันหรอกค่ะคุณก็ต้องรีบกลับมาเมื่อสร้างหลักได้ แต่ถ้าคิดจะอยู่ที่นั่นอีกนานหรือไม่อาจกลับมาได้บ่อยครั้ง ก็ลองพูดสิค่ะว่าคุณต้องการเขามาเป็นคนที่ทำให้คุณหายเหนื่อยส่วนเรื่องพ่อแม่ก็อาจจะพากันมาเยี่ยม แต่ถ้าไม่ยอมจริงๆ ก็ไม่จำเป็นหรอกค่ะที่ต้องให้เธอย้ายตามคุณไป ขอแค่คุณเชื่อใจ ก็พอ และก็หมั่นโทรคุยกัน กรือไม่ก็ส่งข้อความ แค่นี้ก็ทำให้เธอรู้แล้วค่ะว่าคุณรักและที่ต้องจากมาทำงานก็เพื่อเธอ ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะขอเอาใจช่วยเพราะฉันก็มีประสบการณ์แบบเดียวกัน
2007-09-02 04:28:48
·
answer #4
·
answered by joy 1
·
1⤊
0⤋
ขอตอบคำถามนี้ "จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีคนใดคนหนึ่งเสียสละเพื่อครอบครัวย้ายตามกันไป ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง" ก่อนนะครับ
ในความคิดเห็นผม จะต้องตัดสินใจ โดยที่คนใดคนนึงคงจะต้องเสียสละครับ เพราะผมว่าแต่งงานแล้วควรจะอยู่ด้วยกัน ยิ่งอายุเกินวัยเลขสามอย่างที่คุณว่ามาแล้วด้วย ยิ่งถ้าอยากจะมีลูก ผมคิดว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอยู่ด้วยกันครับ
ผมว่าน่าจะคุยกันอย่างจริงจังกับแฟนคุณครับ ถึงสาเหตุที่คุณอยากจะอยู่เมืองนอก เพราะเหตุผลอะไร มีระยะเวลาไหม? เช่น ตอนนี้เมืองไทยตำแหน่งหรือลักษณะงานที่คุณทำ อาจจะหางานยาก รายได้ไม่ดีเท่านี้ คุณอาจจะขอเวลาทำงานกี่ปีเพื่อเก็บเงินสำหรับครอบครัว จากนั้นแล้วค่อยย้ายกลับมาตั้งหลักตั้งฐานอยู่เมืองไทย
หรือถ้าจะอยู่เมืองนอกถาวรเลย ก็น่าจะคุยกันให้ชัดเจนครับ ว่าจะมีแผนชีวิตอย่างไร ถ้ามีลูกจะอยู่ที่นั่นเลยไหม แฟนคุณชอบหรือไม่ชอบอะไรถ้าจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ คุณจะต้องช่วยแฟนคุณปรับตัวอย่างไรบ้าง ฯลฯ
ผมว่าถ้าจะแต่งงานกันแล้ว นอกจากแต่ละคนจะมีเหตุผลหรือความชอบของตัวเองแล้ว น่าจะต้องมีเหตุผลสำหรับ "ครอบครัว" ด้วยนะครับ ลองคุยกันถึงเหตุผลที่คุณสองคนจะทำเพื่อครอบครัว ผมว่าแฟนคุณ (หรือคุณ) น่าจะเข้าได้และยอมปรับตัว รวมถึงเสียสละบางสิ่งบางอย่างไม่ยากครับ
2007-09-02 04:06:14
·
answer #5
·
answered by Tum B. 4
·
1⤊
0⤋
คุณคะ ขอแนะนำนะคะว่า ให้ปรึกษากันให้ดีก่อน แล้วคนที่คุณคบอยู่นั้นเธอมั่นคง จริงใจ ต่อคุณหรือเปล่า? ถ้าจะพูดพกันถึงเรื่องรายได้ ไม่ต้องพูดกันเลยดีกว่า ควรคุยกันด้วยเหตุผลเป็นหลักว่า ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ยอมย้าย หรือ เสียสละ แต่อย่าคุยถึงเรื่องตัวเงินเด็ดขาด เพราะว่าจะมีเรื่องตามมาอีก แน่ ๆ แล้วงานของใครมั่นคงกว่ากัน เอาเหตุผลเข้าว่าน่ะคะ
2007-09-02 17:17:06
·
answer #6
·
answered by Anonymous
·
0⤊
0⤋
คิดว่าแฟนคุณคงอยากทำงานมากกว่าถึงรายได้ไม่มากแต่ก็เป็นงานของเธอ ผู้หญิงสมัยใหม่เป็นได้ทั้งทำงานนอกบ้านและเป็นแม่บ้าน ถ้าเธอตามคุณไปอยู่เมืองนอกเธอจะมีงานทำหรือเปล่าหรือเป็นแม่บ้านอย่างเดียว แม่บ้านอย่างเดียวน่าเบื่อนะคะได้ทำงานนอกบ้านหาเงินใช้เองมีงานทำมีเงินใช้มีเพื่อนน่าสนุกมากกว่า ถ้ารักกันจริงจัง ซื่อสัตย์ต่อกันแต่งแล้วค่าเครื่องบินไม่กี่สตางค์บินไปมาหากันก็ได้ไม่น่ามีปัญหาอะไร สักพักถ้าคุยกันได้อยากอยู่ด้วยกันทุกวันๆ ค่อยตัดสินใจ ญาติที่บ้านแต่งแล้วก็แยกกันอยู่ต่างคนต่างทำงานไม่มีปัญหาอะไร ใครว่างลางานได้ก็บินไปบินมาหากันสำคัญที่ว่าต้องเชื่อใจกัน
2007-09-02 04:12:55
·
answer #7
·
answered by อาเหนียว หนึบหนับ( อารารั่วโตเเล้ว) 6
·
0⤊
0⤋
หมั่น Chat on line คะ, นัดคุยทุกวัน ตอนที่เวลาตรงกัน, ให้เวลาผ่านไปสักระยะ คุยจนเข้าใจว่า ทั้งสองฝ่าย ต้องการอะไรกันแน่, อย่างน้อยอาจจะไม่ลงเอยกัน แต่ยังเป็นเพื่อนกันได้คะ
บางที่ วันหนึ่ง คุณอาจจะเข้าใจได้ว่า เงิน ทอง (อาจจะ)ไม่มีความสำคัญนัก (ซึ่งจริงแล้วก้อไม่มีความสำคัญเท่าไหร่ มีเงินแค่เพียงพอ แต่มีความสุขมากกว่า ให้คนรักได้อยู่ใกล้ผู้มีพระคุณ) คุณอาจจะใช้เวลาหาเงินสักพัก และกลับมาอยู่เมืองไทย โดยที่เธอยังรอคุณอยู่ ก็เป็นไปได้นะคะ
...keep in touch เข้าไว้
เอาใจช่วยคะ
2007-09-02 02:34:21
·
answer #8
·
answered by Anonymous
·
0⤊
0⤋
สวัสดีค่ะ โอ้โฮ..ยังเป็นโสดอยู่เลยเนอะ...จริงแล้วถ้าเป็นตัวเอง และเรามั่นคงทั้งคน ไม่หลอกแหลก ทั้ง 2 ฝ่าย จริงจัง จริงใจ และไว้ใจซึ่งกันและกัน สิ่งที่สำคัญความซื่อสัตย์ โดยเท่าที่พบเห็นมาจนแต่งงานแล้วเนี่ยฝ่ายชายจะเริ่มตรงนี้ก่อน และถ้าเกิดขึ้น ผู้หญิงจะไม่ยอมเชื่อถือคุณตลอดชีวิตเลยเพราะผู้หญิงเกลียดความโกหก หลอกลวง และถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติข้อนี้สำคัญมาก และจะได้รับการอภัยหรือเอารอยร้าวมาประสานก็ไม่หาย
คุณ...ต้องถามตัวคุณเองก่อนว่าคุณรักเธอจริงหรือเปล่า และสิ่งที่สำคัญจิตใจคนมักวกวน พอไปพบอะไรไกลๆ หน่อยก็เริ่มอยากลอง ไม่ได้ว่าคุณน๊ะ แต่เราเจอมาหมดแล้ว และในใจเราไม่มีวันจะอภัยให้เลยเพราะเราร้องไห้ถึง 14 ปีของชีวิตการแต่งงาน เพราะสิ่งนี้จึงทำให้เราเข้มแข็งและต้องยืนให้อยู่เพื่อศักดิ์ศรี และเราก็สอนลูกเราเสมอว่า ถ้าคิดจะรักใครก็ให้แค่ 30 % ก่อน ไม่อย่างจะเสียใจ เราไม่อยากเห็นลูกเราเสียใจ เรามีบทเรียนต้องเอาบทเรียนบทนี้แก้ให้ลูก เข้าเรื่องดีกว่า ที่แน่ๆ เราอยากถามคุณว่าคุณจะทำได้มั้ยล่ะ ถ้าอยู่ไกลจากเธอ ความซื่อสัตย์น่ะ สิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้นไม่เชื่อคุณลองถามเธอดูซิ ถ้าบางคนกลัวรู้ว่าหึงมากก็จะไม่บอกกลัวเสียฟอร์ม แต่ถ้าเราต่างคนค่างเปิดเผยและพร้อมที่เดินไปข้างหน้าเพื่ออนาคต เพราะอีกหน่อยถ้าเธอเบื่อประเทศไทยเธอก็ไปอยู่กับคุณได้ แต่ว่าคำนี้แหละมันอยู่ในจิตใจเธอเพราะคุณไปอยู่ไกลกับเธอ ผู้หญิง 100 % คิดอยู่แล้ว อยู่ที่ตัวคุณต่างหากว่าว่าจะให้เธอมั่นใจได้มากน้อยเพียงใดว่าคุณจะซื่อตรงกับเธอ เธอไม่ได้ขี้งอนหรอก แต่บางอย่างผู้หญิงเราก็ไม่กล้าพูดเดี๋ยวเสียฟอร์ม
2007-09-01 17:30:18
·
answer #9
·
answered by smilebizdollars 3
·
0⤊
0⤋